พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เราร้องยึดหลัก 3 ร. คือ ร่วมกันทำ รวดเร็ว และร่วมมือ และต้องมองโลกเป็นอย่างไร เมื่อก่อนโลกมีเพียงสองขั้ว แต่วันนี้มีหลายขั้ว เป็นกลุ่มประเทศ รัฐบาลจึงต้องวางแนวทางสร้างความสมดุลในทุกมิติ ที่สำคัญต้องดึงศักยภาพของเรามาใช้ประโยชน์ ศักยภาพคนไทยคือ มีรอยยิ้ม สมานฉันท์ ปรองดอง อะลุ่มอล่วยกันและเป็นสังคมสงบเงียบมายาวนานทำอย่างไรให้ศักยภาพเรายังคงอยู่ยาวนาน ขณะเดียวกัน ความมีอัตลักษณ์ของเราก็ได้รับความชื่นชม แต่มีความพยายามบิดเบือนสิ่งเหล่านี้ รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งภายในของเราเอง ดังนั้นไม่ว่าจะดีหรือเลวทุกอย่างจะออกไปต่างประเทศและทำลายศักยภาพของเราเอง ถือเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดที่ตนมองเห็น ดังนั้นทำอย่างไรให้ภาพลักษณ์ที่ดีของไทยแพร่ไปสู่ข้างนอกในสิ่งที่ดีงาม เราทำอะไรได้อย่างนั้นกลับมาเสมอ ถ้าจะดีก็คนไทย ไม่ดีก็คนไทย ซึ่งตนคงไม่ต้องเล่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ความรักความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของประเทศในเวลานี้ ฝากทุกคนช่วยกันคิดสร้างความเข้าใจและสร้างภูมิคุ้มกันด้วย นอกจากนี้ วันนี้ทำอย่างไรให้คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่อยู่ร่วมกันได้ แม้อาจไม่อยากอยู่ร่วมกับเราเพราะเราแก่ แต่ทำอย่างไรอยู่ร่วมหันให้ได้ อีกทั้งวันนี้หลายอย่างกำลังเปลี่ยนต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและสร้างความเชื่อมั่น แต่วันนี้อกลับยังไม่ไว้ใจกันไม่รู้เพราะอะไร จึงต้องสร้างขึ้นมาให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้โควิดโจมตีเรา 100% ซึ่งโจมตีกันทั้งโลก แต่ที่ผ่านมาเราก็ทำได้มาก แต่ยอมรับว่าเศรษฐกิจยังแย่ เพราะต้องยอมรับระยะแรกเราต้องเลือกสุขภาพ ต่อไปเรื่องเศรษฐกิจที่ต้องค่อยๆ ปลดล็อก วันนี้ จึงเน้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อทำให้ธุรกิจเดินหน้าและต่อลมหายใจไปได้ วันหน้าดีขึ้นก็จะมีการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ แต่วันนี้จะทำแค่ในจังหวัดภูเก็ตก็มีประชาชนประท้วง คนที่เดือดร้อนอยากได้ แต่คนที่ไม่เดือดร้อนไม่อยากได้ นี่คือคนไทย แต่ตนไปว่าใครไม่ได้ อย่างไรก็ตามย้ำว่าถ้าไม่มีโควิดเข้ามาหลายอย่างเราเริ่มดีขึ้น ดังนั้นวันนี้ต้องช่วยกันทำให้ทุกคนมั่นใจให้ได้ ขณะเดียวกันหลายคนก็โจมตีรัฐบาลว่าที่ผ่านมาใช้มาตรการหนักเกินไป แต่ผลคือเรามีผู้ติดเชื้อน้อยกว่าหลายประเทศรอบบ้าน เป็นสิ่งที่หลายคนลืมและไม่มองว่าที่ผ่านมาเราได้อะไรไปแล้ว จึงต้องช่วยกันพูดสร้างความเข้าใจไม่เช่นนั้นเป็นปัญหาที่ร้ายแรง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทะเลาะเบาะแว้งการสร้างความขัดแย้งเป็นการทำลายศักยภาพของเราโดยไม่รู้ตัว เราจะเอาชนะกันเพื่ออะไร เพื่ออำนาจเพื่อผลประโยชน์มันใช่หรือไม่ ซึ่งมายืนอยู่ตรงนี้เพื่อ 2 ไม่อยากจะแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น เพราะรู้ว่าทำเพื่อใครเพื่ออะไร มีจิตวิญญาณและขอให้ทุกคนเข้าใจว่าใจของของตนต้องการให้ประเทศชาติสงบสุขมั่นคง ยั่งยืน มีอนาคต ดังนั้นจะเอาชนะกันไปทำไมบนซากปรักหักพังของประเทศไทย จะอยู่กันต่อไปอย่างไร สิ่งเหล่านี้ขอฝากไว้ด้วยแล้วกัน
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันว่า เป้าหมายหลักของทำเพื่อประชาชน ตนมีกำลังใจแค่นี้ อย่างอื่นไม่ได้อะไรสักอย่าง แต่ประเทศได้ก็เพียงพอ