ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย และอดีตรองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ใช้มาตรา 44 ปลด นายสมชัย ศรีสุทธิยากร พ้นจากกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่า ตนไม่เชื่อว่าสาเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. สั่งปลดนายสมชัย ศรีสุทธิยากร พ้น กกต. นั้น เป็นเพราะเป็นห่วงเรื่องผลประโยชน์ขัดกัน เพราะถ้าย้อนดูพฤติกรรมของรัฐบาลที่ผ่านมา จะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ใส่ใจเรืองหลักผลประโยชน์ทับซ้อน หรือหลักผลประโยชน์ขัดกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่เอานายทุนรายใหญ่ ไม่กีเจ้าที่ทําธุรกิจแบบผูกขาดมานั่งกําหนดนโยบายเศรษฐกิจของประเทศร่วมกับรัฐบาล ทั้งๆ ที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และจะทําให้ เอกชนรายย่อยเสียเปรียบ
“ที่อ้างว่านายสมชัยมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมนั้น อยากถามว่าคนข้างตัวท่านที่อ้างว่ายืมนาฬิกาเพื่อนมาใส่ 25 เรือน แบบนี้มีพฤติกรรมเหมาะสมนักหรือ พล.อ.ประยุทธ์ คงลืมดูตัวเองว่า เป็นทั้งหัวหน้า คสช. เป็นทั้งนายกรัฐมนตรี รับเงินเดือนหลายๆ ทางเช่นกัน โดยไม่คำนึงถึงหลักการขัดกันแห่งผลประโยชน์ แถมตอนนี้ เป็นนายกฯ อยู่ แต่ก็ใช้งบประมาณแผ่นดินโปรยเงินผ่านนโยบายประชานิยมหาเสียงล่วงหน้า เพราะไม่ปฎิเสธว่าตัวเองก็อยากเป็นนายกฯคนนอก หนำซ้ำพอมีคนออกมาขับไล่ก็ไม่สะทกสะท้าน แถมยังใช้อำนาจในฐานะหัวหน้า คสช. ส่งทหารไปแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่วิจารณ์รัฐบาลอีกต่างหาก ที่แย่กว่านั้น คือ ลิ่วล้อของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เอาอย่างท่านหมด โดยถ่างขานั่งทั้งเก้าอี้รัฐมนตรีและเก้าอี้ผู้บริหารในกระทรวงที่เคยสังกัดอยู่ รับเงินเดือนสองทางสามทาง” ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าว
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า อยากถามว่า พฤติกรรมแบบนี้ ถ้าไม่เรียกว่ามีผลประโยชน์ขัดกัน แล้วจะให้เรียกว่าอะไร ทั้งนี้สาเหตุหลักที่นายสมชัยถูกปลด น่าจะเป็นเพราะกล้าวิจารณ์รัฐบาลแบบตรงไปตรงมา และรัฐบาลสั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้อีกต่อไปมากกว่า เพราะในคำสั่งเดียวกัน แม้แต่กรรมการที่ขาดคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังใช้อำนาจต่ออายุให้ทำงานได้เลย สะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นคนที่มีหลักการอะไรทั้งนั้น ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรเที่ยวชี้นิ้วด่ากราดคนอื่น โดยลืมดูตัวเองว่าอีก 4 นิ้วที่เหลือนั้นกำลังชี้เข้าหาตัวพล.อ.ประยุทธ์ เอง