ช่วงที่นายสิระออกมาให้สัมภาษณ์นั้น นายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มาพาตัวนายมงคลกิตติ์ ที่รออยู่หน้าห้องเข้าพบนายชวน เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับนายสิระ จากนั้น นายมงคลกิตติ์ ใช้เวลาพบนายชวนประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ว่ามาพบนายชวนเพราะเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายชวนทราบอยู่แล้ว และเข้าใจว่าสิ่งที่นายสิระทำกับตน แรงมาก

ทั้งนี้นายชวนได้ขอว่า ในสภาฯ อย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น และอยากให้นายสิระมาขอโทษ ซึ่งตนได้รับปากเพราะเป็นลูกผู้ชาย คำไหนคำนั้น เมื่อตนรับปากว่าจะไม่เกิดเรื่องใดๆ ในสภาฯ และในฐานะลูกผู้ชาย หากมาขอโทษเรื่องก็จบ ตนไม่ใช่พวกลอบกัดใครเพราะไม่ใช่หมา แต่ทั้งนี้หากยังไม่ขอโทษ ตนก็จะมอบหมายให้ทนายความไป ฟ้องร้องดำเนินคดีที่ศาลอาญาฐานหมิ่นประมาทในวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคมนี้ พร้อมยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การสร้างสถานการณ์เพื่อกลบข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ตามที่มีสื่อบางสื่อเสนอพร้อมยอมรับว่าเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) บันดาลโทสะที่โพสต์ด่าแต่บังเอิญนี้ไปโดนข้อความที่โพสต์จึงถูกลบไปไม่ได้มีเจตนาลบข้อความ
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อด้วยว่า ตนได้รับปากนายชวนแล้วว่า จะจบเรื่องหากเจอกันในสภาฯ ก็จะไม่ไปถามไปพูดไปคุย ซึ่งถือว่าถูกต้องแล้ว เพราะเป็นสภา แต่ไม่รับปากว่าเจอข้างนอกจะเป็นอย่างไร และจะไม่มีปัญหาเรื่องการทำงานร่วมกัน เพราะมี ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลหลายคน แต่ตนขอเดินคนละทางกับนายสิระ ทางใครทางมัน และไม่กังวงกรณีที่ถูกแจ้งความเพราะไม่ได้มีโทษหนักเพราะเป็นการบันดาลโทสะ แต่กรณีของนายสิระถือว่าหมิ่นประมาทตนถึง 2 ครั้ง

ด้านนายชวน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายสิระ กับนายมงคลกิตติ์ ว่าได้บอกทั้ง 2 คนว่า ทำแบบนี้ ภาพพจน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะเสีย ต้องแยกระหว่างคนหมู่ใหญ่กับคน 2 คน ออกจากกัน อย่าเหมาว่าทุกคนในสภา จะมีสภาพแบบนี้ตนตั้งใจว่าจะให้ทั้ง 2 คนได้พบกันและคุยกัน เพราะว่าถ้าไม่คุยกันจะยิ่งขัดแย้งกัน โดยนายสิระ ยืนยันว่าจะส่งเรื่องให้กรรมการจริยธรรม พอดีกับสัปดาห์ที่แล้วกำลังประชุมกรรมการจริยธรรมเพื่อมอบให้นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ไปร่างระเบียบวิธีปฏิบัติก็จะเป็นหนึ่งในเรื่องที่รวมไว้เพื่อเสนอคณะกรรมการจริยธรรมต่อไป
นายชวน กล่าวต่อว่า ความรุนแรง ขอร้องว่าอย่าให้เกิดขึ้น การขัดแย้ง เรื่องวาจาไม่เป็นไร ค่อยว่ากัน แต่เรื่องความรุนแรงอย่าให้เกิดขึ้น ตนพยายามที่จะเชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาคุยกัน แต่ทั้งคู่ไม่ยอมมาคุยกัน โดยคนที่ยืนกรานว่า จะไม่ขอคุยคือ นายสิระ ซึ่งทางฝ่ายของนายมงคลกิตติ์ เองก็ไม่ต้องการเช่นกัน
เมื่อถามว่า หากมีการต่อยหรือตีกันในสภาฯ จริง จะมีบทลงโทษอย่างไรบ้าง นายชวน กล่าวย้ำว่าอย่าให้เกิดขึ้นเด็ดขาดตนคิดว่าดีที่สุดคือนำคำพูดของแต่ละฝ่ายมารวบรวมเรียบเรียงว่าเริ่มต้นอย่างไร ใครเป็นผู้ก่อเรื่องขึ้นมาก่อนและเรื่องตามมาอย่างไร ส่วนเรื่องที่บอกว่าจะเอาให้ฟันร่วงหมดเลย เขาก็ยืนยันว่าเขาจะไม่ทำ”

