ดังนั้นพรรคก้าวไกล ยืนยันว่าทางออกของเรื่องนี้คือ การมี ส.ส.ร.เพื่อให้อีกฝ่ายได้แสดงความเห็นร่วมกัน และแสวงหาว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อที่จะอยู่ร่วมกันได้ ส่วนในหมวด 1-2 ในขณะนี้ พรรคก้าวไกลไม่ได้มีการยื่นเสนอแก้แต่อย่างใด ส่วนการสงวนความเห็นในญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้านนั้น เพราะเห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญ ในมาตรา 255 มีบัญญัติอยู่แล้ว ว่าหมวด 1-2 จะทำอย่างไรได้บ้าง จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ประโยคที่ว่า ไม่แก้ไขหมวด 1-2 เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ซึ่งมาตรา 255 ได้ระบุชัดในกรอบการแก้รัฐธรรมนูญ ที่ไม่สามารถทำเป็นอื่นได้ และเชื่อว่าน่าจะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจได้
สำหรับในส่วนของ ส.ส.ร. ส่วนตัว ยืนยันว่า หากมีการตั้งมาแล้ว ส.ส.ร.จะเป็นตัวแทนหลากหลายความคิด ไม่สามารถที่จะเป็นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่จะผูกขาดว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปในทิศทางใด และเชื่อว่า หาก ส.ส.ร.ทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่า เป็นพื้นที่ปลอดภัย และเสรี ประชาชนสามารถแสดงออกได้ จะหาจุดสมดุลและหาทางออกให้กับวิกฤตการเมืองได้ แต่ถ้าทำให้ ส.ส.ร.มีกำแพงต่อประชาชน ไม่รับฟังความเห็น แทนที่ ส.ส.ร.จะเป็นทางออก ก็จะกลายเป็นทางตันแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ พรรคก้าวไกล กังวล