หน้าแรกเศรษฐกิจ-การเงินเศรษฐกิจไทยกระทะเหล็ก ... ยังลื่นแม้เป็นรอย

เศรษฐกิจไทยกระทะเหล็ก … ยังลื่นแม้เป็นรอย

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว สภาพัฒน์รายงาน GDP ไตรมาสสองหดตัวราว 12.2% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนหรือหดตัว 9.7% เทียบไตรมาสก่อนหน้าหลังปรับฤดูกาล (seasonal adjustment) ซึ่งปัจจัยที่กดดันให้เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ก็มาจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้หลายประเทศรวมทั้งไทยมีการปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อระงับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและมีผลให้คนขาดรายได้จึงกระทบการบริโภคการผลิตและการส่งออกมีเพียงการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกทั้งเราไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไตรมาสที่สองจึงยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยขาดรายได้หนักขึ้นไปอีกเนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแม้กำลังซื้อคนในประเทศจะอ่อนแอจากหนี้ครัวเรือนที่สูงรายได้ภาคเกษตรที่ตกต่ำยาวนานธุรกิจขนาดกลางและเล็กอ่อนแอแต่เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวเพราะมีแรงขับเคลื่อนจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ

มองต่อไปข้างหน้าเมื่อหลายประเทศเริ่มเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเริ่มมีการสั่งซื้อสินค้าจากไทยมากขึ้นการส่งออกน่าจะดีขึ้นแม้จะติดลบแต่น่าจะติดลบน้อยลงโดยเฉพาะกลุ่มอาหารและสินค้าเกษตรน่าจะขยายตัวได้เร็วกว่ากลุ่มอื่นโดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนที่อาจฟื้นตัวช้าจากกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่างประเทศที่ยังคงอ่อนแอการผลิตในภาคส่วนต่างๆเริ่มมีกำลังการผลิตที่ดีขึ้นการจ้างงานและการขยายชั่วโมงการทำงานจะเพิ่มขึ้นเป็นลำดับขณะที่กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอาจฟื้นตัวช้าแม้นักท่องเที่ยวในประเทศจะเพิ่มขึ้นแต่ไม่อาจชดเชยการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้และอาจกระจุกตัวในจังหวัดรอบๆกรุงเทพมากกว่าจังหวัดท่องเที่ยวในภูมิภาคอื่นผมจึงมองว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะขยายตัวแบบช้าๆเทียบไตรมาสที่สองแต่ยังคงหดตัวได้ราวร้อยละ 10 เทียบครึ่งปีหลังปีก่อนโดยผมจะปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยปีนี้ว่าจะหดตัวร้อยละ 8.9 จากปีที่แล้วอย่างที่คาดไว้ก่อนหน้าหรือไม่โดยจะขอรอดูตัวเลขเดือนกรกฎาคมและนโยบายเศรษฐกิจประกอบอีกทั้งความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการประท้วงก็นับเป็นปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ต้องให้น้ำหนัก Teflon Thailand
เศรษฐกิจกระทะเหล็ก

การเมืองมีผลต่อเศรษฐกิจผ่านความเชื่อมั่นผู้ลงทุนและผู้บริโภคเมื่อมีความไม่แน่นอนหรือการเปลี่ยนแปลงโดยมากแล้วคนจะชะลอการลงทุนหรือซื้สินทรัพย์ที่มีราคาแพงที่ต้องใช้เวลาในการผ่อนชำระหนี้เช่นบ้านและรถยนต์แม้ในอดีตช่วงที่ประเทศไทยมีปัจจัยการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเช่นการประท้วงการรัฐประหารและการเลือกตั้งเศรษฐกิจไทยไม่ได้รับผลลบมากนักเนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีการกระจายตัวในหลากหลายอุตสาหกรรมและมีเมืองเศรษฐกิจและท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างๆที่ช่วยลดผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองในกรุงเทพเสมือนสารเทฟล่อนที่ช่วยเคลือบกระทะทำให้เวลามีความไม่แน่นอนต่างๆเศรษฐกิจไทยไม่สะดุดวารสารดิอิโคโนมิสต์จึงเคยเรียกเราว่า
เทฟล่อนไทยแลนด์เมื่อราวสิบกว่าปีก่อน

เวลาผ่านไปเนิ่นนานถึงวันนี้สารเทฟล่อนจะยังใช้การได้ดีหรือจะเริ่มเสื่อมถอยโดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบรุนแรงจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ผมมองว่าสารเทฟล่อนยังใช้การได้แม้อาจไม่มีประสิทธิภาพเหมือนก่อนเหมือนกระทะที่เรายังใช้กันแม้จะเก่าและเป็นรอยนั่นเพราะผมเชื่อในการปรับตัวของเอกชนไทยเวลาเราเกิดวิกฤติไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจหรือการเมืองเราจะหาทางรอดได้เสมอไม่ว่าจะเป็นการขยายการลงทุนไปต่างประเทศการปรับรูปแบบการขายออนไลน์การหางานใหม่ๆทำหรือทำงานหลากหลายอย่างเพื่อรองรับความเสี่ยงซึ่งรอบนี้อาจยากลำบากและเต็มไปด้วยความท้าทายมากกว่าในอดีตเพราะขาดปัจจัยสนับสนุนจากกำลังซื้อต่างประเทศเพราะแต่ละประเทศก็เข้าสู่วิกฤติเศรษฐกิจจากเชื้อโควิดด้วยกันทั้งนั้นและขาดแรงช่วยจากภาคเกษตรเพราะปัญหาภัยแล้งทำให้ผลผลิตตกต่ำกำลังซื้อขาดหายแต่เราก็ยังไม่ถึงทางตันเพราะเรายังมีการใช้จ่ายของภาครัฐเป็นตัวพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดตัวแรงได้อยู่ซึ่งหากหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นชนเพดานผมก็เชื่อว่าเรามีความสามารถในการบริหารจัดการกฎระเบียบนั้นได้นอกจากนั้นเรายังมีธนาคารแห่งประเทศไทยที่พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมนอกจากนี้ผมมองว่าเศรษฐกิจไทยยังมีคนที่มีกำลังซื้ออยู่มากโดยเฉพาะคนที่มีรายได้ระดับกลางขึ้นไปเห็นได้จากสภาพคล่องในระบบการเงินยังมีมากเงินออมยังเพิ่มขึ้นแต่ที่ไม่นำมาใช้จ่ายบริโภคหรือลงทุนเพราะขาดความเชื่อมั่นผมมองว่าสารที่จะช่วยชดเชยสารเทฟล่อนที่เสื่อมลงน่าจะเป็นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจหรือมาตรการดึงเงินจากคนชั้นกลางขึ้นไปให้มาช่วยพยุงเศรษฐกิจได้

ความวุ่นวายทางการเมืองมีผลต่อเศรษฐกิจรุนแรงเพียงไร ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยหากเราจะมองสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงไตรมาสที่สามนี้ซึ่งข่าวสารที่ออกหรือการเผยแพร่ในโลกออนไลน์ล้วนไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนและผู้บริโภคในระยะสั้นและหากมีความวุ่นวายหรือการคุกคามมากขึ้นผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนคือคนจะระมัดระวังการใช้จ่ายและการเดินทางไปสถานที่แหล่งชุมชนอุตสาหกรรมที่อาจได้รับผลกระทบได้แก่โรงแรมธุรกิจอีเวนท์ร้านอาหารห้างสรรพสินค้าร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ตัวแทนจำหน่ายรถมอเตอร์ไซต์ร้านค้าวัสดุก่อสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจขนส่ง (อาจจำกัดเพียงขนส่งคนแต่ขนส่งสินค้ายังพอไปได้) และหากปัญหาบานปลายรุนแรงขึ้นก็อาจกระทบต่อภาคการผลิตที่อาจลดชั่วโมงการทำงานหรือเลิกจ้างพนักงานซึ่งธุรกิจกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมโกดังสินค้าให้เช่าหรือห้องเช่าประเภทอพาร์ทเมนท์ตามนิคมอุตสาหกรรมก็อาจได้รับผลกระทบได้ปัญหาหนี้เสียในระบบสถาบันการเงินก็จะตามมาและลามไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจที่โตช้าลากยาวแม้อาจไม่ทรุดเป็นจุดต่ำสุดใหม่แต่ก็อาจทำให้เราโตช้ากว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านอกจากนี้คนในสังคมขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมเนื่องจากยังเคลือบแคลงและไม่ได้รับความชัดเจนในการพิจารณาคดีโดยเฉพาะหลายกรณีที่ผู้มีฐานะในสังคมมักพ้นผิดทางกฏหมายอาจกระทบต่อการเข้ามาลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ

หากเศรษฐกิจสามารถปรับตัวหรือมีการกระจายตัวได้อย่างเทฟล่อนไทยแลนด์เศรษฐกิจก็อาจจะยังคงประคองตัวอยู่ได้นะครับและอยากให้เราใจเย็นๆก่อนนะครับเพราะการประท้วงหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งนี้อาจไม่รุนแรงและอยู่ในขอบเขตซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่มากเพราะผมเชื่อว่าแต่ละคนจะเข้าใจสถานการณ์และปรับตัวได้และท้ายสุดมาตรการทางการเงินและการคลังก็จะออกมารองรับและประคองเศรษฐกิจได้เช่นการลดภาษีบุคคลธรรมดาเพื่อสร้างกำลังซื้อให้กับคนชั้นกลางประเภทมนุษย์เงินเดือนการใช้จ่ายภาครัฐทั้งเงินโอนประเภทใหม่และการก่อสร้างการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายการลดการเก็บเงินเข้าใช้หนี้กองทุนฟื้นฟู (FIDF) การออกมาตรการผ่อนปรนทุนเคลื่อนย้ายเพื่อช่วยให้เงินบาทอ่อนค่าเทียบสกุลอื่นในภูมิภาค

ในเรื่องค่าเงินบาทในช่วงมีปัญหาทางการเมืองนั้นผมมองว่ายิ่งประท้วงบาทยิ่งแข็งซึ่งฟังดูย้อนแย้งความรู้สึกก็จริงครับเพราะคนมักคิดว่าเมื่อมีความไม่แน่นอนทางการเมืองเงินทุนน่าจะไหลออกบาทน่าจะอ่อนค่าอาจใช่ครับแต่ปกติจะเป็นลักษณะตกใจชั่วคราวขายหุ้นขายบอนด์บาทอ่อนสัก 1-2 วันก็จบรอบแต่ถ้าความไม่แน่นอนลากยาวขึ้นภาพจะเปลี่ยนเราจะเกินดุลการค้ามากขึ้นซึ่งส่งผลให้บาทแข็งทำไมน่ะหรือ? ผู้ส่งออกไม่ได้ผลกระทบมากนักยังส่งออกสินค้าเดิมๆตามภาวะเศรษฐกิจโลกซึ่งตอนนี้ก็หดตัวต่อเนื่องตามกำลังซื้อที่อ่อนแอและตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกส่วนการนำเข้าจะหดตัวแรงจากการลดการนำเข้าสินค้าทุนเพราะคนไม่มั่นใจจึงหยุดลงทุนการนำเข้าจะลดแรงกว่าการส่งออกเกิดดุลการค้าแบบแปลกๆส่งผลให้บาทแข็งนั่นเพราะความต้องการบาทจากผู้ส่งออกมีมากกว่าความต้องการดอลลาร์จากผู้นำเข้าทางแก้บาทแข็งคือหาทางสร้างสมดุลให้เงินไหลออกพร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้คนลงทุนในศักยภาพเศรษฐกิจไทยในระยะยาวที่ต้องมองข้ามความไม่แน่นอนทางการเมืองในระยะสั้นนี้

กล่าวโดยสรุปต่อให้มีปัญหาทางการเมืองรุนแรงก็เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยยังมีเทฟล่อนอยู่มีการปรับตัวหรือกระจายตัวโดยมีมาตรการ/นโยบายการเงินการคลังเข้ามารองรับและประคองเศรษฐกิจเศรษฐกิจไทยจีงไม่น่าจะหดตัวแรงดังเช่น Q2 แต่อาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img