หน้าแรกเศรษฐกิจ-การเงิน2 บิ๊กแบงก์ร่วมลงทุน‘Ricult’สตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีเกษตรมั่นใจช่วยเกษตรกรเพิ่มประสิทธิภาพ-ยกระดับคุณภาพชีวิต-ขยายโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ

2 บิ๊กแบงก์ร่วมลงทุน‘Ricult’สตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีเกษตรมั่นใจช่วยเกษตรกรเพิ่มประสิทธิภาพ-ยกระดับคุณภาพชีวิต-ขยายโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ

Ricult Inc. (“รีคัลท์”) ธุรกิจสตาร์ทอัพด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร (AgriTech) ได้เปิดระดมเงินทุนในช่วง Pre-Series A และได้รับความสนใจจาก 2 บริษัทซึ่งเป็นธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) คือบริษัทบัวหลวงเวนเจอร์สจำกัดซึ่งเป็นบริษัทในเครือของธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) และบริษัทกรุงศรีฟินโนเวตจำกัดธุรกิจในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) ที่มุ่งเน้นการร่วมลงทุนในสตาร์ทอัพประเภทฟินเทคโดยเงินลงทุนที่ได้รับเข้ามานี้ทาง Ricult จะนำไปลงทุนเพื่อขยายตลาดและพัฒนาศักยภาพของผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ได้หลากหลายยิ่งขึ้น

นายอุกฤษ อุณหเลขกะ Co-Founder และ CEO Ricult (Thailand) เปิดเผยว่าบริษัทได้เปิดระดมทุนเพื่อนำเงินมาลงทุนขยายตลาดและพัฒนาศักยภาพของผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานในวัตถุประสงค์ต่างๆได้หลากหลายมากขึ้นซึ่งปัจจุบัน “รีคัลท์” นับเป็นผู้บุกเบิกด้านการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเกษตรในประเทศไทยและปากีสถานโดยผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญเชิงลึกด้านการวิเคราะห์สภาพอากาศกับเทคโนโลยีดาวเทียมเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มที่ช่วยให้เกษตรกรและธุรกิจด้านการเกษตรสามารถบริหารจัดการฟาร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มผลตอบแทนจากการเพาะปลูกตลอดจนเชื่อมต่อไปถึงการขายสินค้าเกษตรในตลาดออนไลน์อีกด้วย

“รีคัลท์” ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech) รวมถึงใช้ AI และ Machine Learning มาช่วยประมวลผลและจัดการด้านการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยที่มีจำนวนราว 1 ใน 3 ของคนทั้งประเทศรวมทั้งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจการเกษตรซึ่งเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมหลักของไทยที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาทให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศรวมทั้งสร้างโมเดลธุรกิจที่สามารถขยายการเติบโตไปต่างประเทศได้ในอนาคตโดย “รีคัลท์” ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพที่ช่วยสร้างประโยชน์แก่สังคมช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรและเพิ่มประสิทธิผลของการทำการเกษตรไม่น้อยกว่า 15%

“นอกเหนือจากธุรกิจเราต้องการสร้างแพลตฟอร์มที่สามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยเหลือสังคมได้โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่เปรียบได้กับกระดูกสันหลังของประเทศแต่ส่วนใหญ่ยังมีฐานะยากจนและทำการเกษตรแบบธรรมชาติทำให้ไม่สามารถประเมินผลผลิตหรือปัจจัยแวดล้อมต่างๆได้แต่ด้วยการประมวลผลอย่างละเอียดและเชิงลึกของ “รีคัลท์” เกษตรกรจะสามารถประเมินความเสี่ยงต่างๆและรับมือได้อย่างแม่นยำมากขึ้นเนื่องจากสามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้สูงสุดถึง 9 เดือนมีการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านภาพถ่ายจากดาวเทียมแบบรายแปลงรวมทั้งแจ้งราคาผลผลิตและบริการแชทถามตอบด้านการเพาะปลูกจากผู้เชี่ยวชาญทำให้ช่วยพัฒนาองค์ความรู้ในการทำเกษตรของประเทศในภาพรวมได้”
เป้าหมายสำคัญของ “รีคัลท์” คือการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ดังนั้นนอกจากการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรแล้วยังเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมการเกษตรตลอดทั้งซัพพลายเชนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคารที่สามารถนำข้อมูลพิจารณาเพื่อให้สินเชื่อแก่เกษตรกรและธุรกิจการเกษตรได้ดียิ่งขึ้นกลุ่มธุรกิจประกันพืชผลหรือประกันชีวิตรวมทั้งในกลุ่มธุรกิจร้านค้าที่ขายผลิตผลทางการเกษตรต่างๆเพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถเข้าถึงกลุ่มเกษตรกรที่อยู่บนแพลตฟอร์มผ่านบริการด้าน Data Solutions เป็นประโยชน์แก่กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันแบบองค์รวมและสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคการเกษตรของไทย

ปัจจุบัน “รีคัลท์” รวบรวมข้อมูลเกษตรกรชาวไทยไว้บนแพลตฟอร์มประมาณ 2 แสนรายและทั่วโลกอีกกว่า 1 แสนรายโดยคาดว่าจำนวนเกษตรกรในประเทศไทยจะเติบโตได้แตะหลักล้านรายในอีก 3 ปีข้างหน้าส่วนทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตได้เพิ่มขึ้นรวมแล้วกว่า 4 ล้านรายรวมทั้งการสร้างโมเดลธุรกิจที่สามารถขยายสเกลให้ไปเติบโตได้ในประเทศโดยรอบอาทิลาวเวียดนามอินโดนีเซียเป็นต้นนอกจากนี้ธุรกิจชั้นนำด้านการเกษตรหลายแห่งโดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ด้านการเกษตรได้ตกลงทำสัญญาใช้บริการกับ
“รีคัลท์” เรียบร้อยแล้วซึ่งล้วนได้ผลลัพธ์เบื้องต้นไปในทิศทางที่ดีเนื่องจากช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของธุรกิจลดลงได้

ความสำเร็จของ “รีคัลท์” มีส่วนสำคัญมาจากการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี (Tech Talent) ทั้งไทยและทั่วโลกมาไว้ด้วยกันเพื่อสร้างและบริหารแพลตฟอร์มที่ทันสมัยและอาศัยการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนได้ซึ่งจะนำไปสู่การถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันและเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันให้กับประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย

“รีคัลท์” ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 โดยผู้ประกอบการ 4 คนซึ่งจบการศึกษาจาก MIT โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ (Seed Round) จากนักลงทุนอิสระ (Angel Investor) และธุรกิจเงินร่วมลงทุนหลายรายรวมถึงได้รับเงินทุนจากมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ (Bill and Melinda Gates Foundation) ปัจจุบัน Ricult เป็นสตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตและขยายตลาด (อยู่ในช่วง Pre-Series A) และคาดว่าจะระดมทุนเพิ่มเติมอีกในในปี 2564 (Series A)

นายกฤษณ์พันธ์ รัตนมาลา กรรมการผู้จัดการบริษัทบัวหลวงเวนเจอร์สจำกัดกล่าวว่าบริษัทได้เริ่มรู้จัก “รีคัลท์” ในปี 2562 ที่งาน Techsauce ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพชั้นนำที่ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมการเกษตรของไทยทั้งยังได้รับรางวัลด้านการพัฒนานวัตกรรมมาอย่างต่อเนื่องจึงทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่า “รีคัลท์” จะสามารถสร้างสรรค์ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ให้กับสังคมไทยไม่เพียงแต่ในด้านการเกษตรเท่านั้นแต่จะสามารถขยายไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้องเช่นอุตสาหกรรมประกันภัยอุตสาหกรรมการเงินเป็นต้น

นอกจากนี้การลงทุนใน “รีคัลท์” ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาคุณภาพการผลิตของอุตสาหกรรมการเกษตรในประเทศไทยและประเทศปากีสถานแต่ยังนำไปสู่การลดช่องว่างการเข้าถึงสินเชื่อของเกษตรรายย่อยซึ่งเป็นฐานหลักที่สำคัญของเศรษฐกิจในอนาคตฐานข้อมูล Big Data ที่ “รีคัลท์” เก็บสามารถนำไปต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆได้อีกมากซึ่งจะช่วยให้การทำการเกษตรและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายแซมตันสกุลกรรมการผู้จัดการบริษัทกรุงศรีฟินโนเวตจำกัดกล่าวว่าเทคโนโลยีการเกษตรหรือ AgriTech กำลังมีบทบาทสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนความก้าวหน้าของภาคการเกษตรในประเทศไทยสู่การเป็นเกษตรวิถีใหม่สร้างความเติบโตและรักษาตำแหน่งผู้นำภาคเกษตรกรรมของไทยในเวทีโลกจากการที่เกษตรกรสามารถใช้เทคโนโลยีในการคำนวณผลผลิตอย่างแม่นยำมีระบบฐานข้อมูลที่ดีที่ช่วยคาดการณ์ผลผลิตและสภาพดินฟ้าอากาศอันเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกและเป็นโอกาสที่ช่วยสร้างความเติบโตให้กับเกษตรไทยทั้งรายเล็กและรายใหญ่ซึ่ง
“รีคัลท์” มีเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านี้

ขณะเดียวกัน “รีคัลท์” มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับและพัฒนาบริการไปยังธุรกิจสินเชื่อการสนับสนุนซัพพลายเชนและการประกันภัยพืชผลด้วยเทคโนโลยี AI/ Machine Learning และอัลกอริทึมอันเป็นจุดแข็งของ “รีคัลท์” จะสามารถช่วยในเรื่องการจัดทำข้อมูลเครดิตและการทำ Credit Scoring ในภาคการเกษตรของไทยในอนาคตซึ่งนำมาสู่การเชื่อมโยงให้เกษตรกรไทยสามารถเข้าถึงระบบการเงินและแหล่งเงินทุนต่างๆเป็นการขยายโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การธนาคารอย่างยั่งยืนของกรุงศรีดังนั้นการลงทุนในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างกรุงศรีและ “รีคัลท์” นอกจากนี้กรุงศรียังมุ่งสนับสนุนในเรื่องของการขยายตลาดไปยังต่างประเทศเช่นเวียดนามอินโดนีเซียและกัมพูชาผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ MUFG โดยหากพิจารณาในมุมของการบริหารจัดการภายในองค์กร “รีคัลท์” มีทีมที่แข็งแกร่งและมีความศักยภาพเป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาคเอเชีย

เกี่ยวกับ Ricult Inc.“รีคัลท์” เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเกษตรที่อยู่ในช่วง Early Stage ซึ่งมีฐานอยู่ในประเทศไทยและปากีสถานห้บริการแพลตฟอร์มที่ช่วยเหลือเกษตรกรและธุรกิจการเกษตรในการปรับปรุงผลผลิตและช่วยจัดการฟาร์มโดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมและการวิเคราะห์สภาพอากาศทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกแบบครบวงจรตั้งแต่การเริ่มต้นจัดหาพันธุ์พืชไปจนถึงการชลประทานและวางแผนการเก็บเกี่ยวนอกจากนี้ “รีคัลท์” ยังได้เริ่มขยายไปสู่บริการทางการเงินเนื่องจากมีศักยภาพที่ช่วยสร้างและเก็บข้อมูลเครดิตอันจะเป็นประโยชน์ต่อธนาคารในการพิจารณาสินเชื่อให้แก่ธุรกิจภาคการเกษตร

เกี่ยวกับบัวหลวงเวนเจอร์ส บัวหลวงเวนเจอร์สเป็นบริษัทเงินร่วมลงทุนของธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) ซึ่งปัจจุบันได้ลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพรวมถึงธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพในการเติบโตบริษัทสนใจในธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูงเช่น E-Commerce, Automation & AI, Agritech, Fintech, Health Tech และ Smart Living โดยมุ่งเน้นที่จะให้คำปรึกษาด้านธุรกิจและพัฒนาโครงสร้างเงินทุนรวมทั้งการยกระดับธรรมาภิบาลของบริษัททั้งนี้ไม่เพียงแต่บริษัทได้มุ่งเน้นขยายความร่วมมือเพื่อเติบโตร่วมกับธนาคารกรุงเทพและบริษัทในเครือบริษัทยังมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรในระยะยาวร่วมกับบริษัทที่มีศักยภาพในการแข่งขันและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนภายใต้สโลแกน “Your Life Long Partner”

เกี่ยวกับกรุงศรีฟินโนเวต บริษัทกรุงศรีฟินโนเวต จำกัดเป็นบริษัทร่วมลงทุน (Corporate Venture Capital : CVC) ในเครือกรุงศรีซึ่งมีพันธกิจสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพด้านฟินเทคและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องด้านการธนาคารทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเติบโตไปยังเป้าหมายที่วางไว้ผ่าน 3 กิจกรรมหลักได้แก่การลงทุนเพื่อสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ๆและโครงการบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการร่วมลงทุนโดยได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือมือจากหน่วยงานต่างๆของกรุงศรี

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img