นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยว่า กกต.ได้มีการหารือกัน ถึงแนวทางการตรวจสอบการใส่ร้ายในการเลือกตั้งผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งพรรคต้องการให้กกต.ทำ เพราะเรื่องนี้จะเป็นปัญหาในอนาคต หากมีคนใช้โซเชียลมีเดียใส่ความผู้สมัครรับเลือกตั้ง จนทำให้ผู้สมัครคนนั้นไม่ได้รับเลือกแล้วจะทำอย่างไร และหากผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใส่ร้ายที่เกิดขึ้น จะถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบหรือไม่ ทางกกต.จะประกาศผลการเลือกตั้งได้เลยหรือต้องให้ใบเหลืองก่อน ดังนั้น ต้องช่วยกันคิดเพื่อให้คนดีเข้ามา
ด้านพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รักษาการเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กกต.จะพิจารณาในเรื่องการกระทำที่จะเป็นผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต ซึ่งจะต้องดำเนินคดี โดยในการหารือ กกต.ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า สำนักงาน กกต.จะต้องพิจารณาว่าเมื่อเกิดเหตุจะเข้าไปจับกุมต้นตอได้อย่างไร
ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต.รักษาการเลขาธิการ กกต.กล่าวว่า กกต.จะพิจารณาในเรื่องการกระทำที่จะเป็นผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต ซึ่งจะต้องนำไปสู่การดำเนินคดี โดยในการหารือ กกต.ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า สำนักงาน กกต.จะต้องพิจารณาว่าเมื่อเกิดเหตุจะสามารถเข้าไปจับกุมต้นตอได้อย่างไร ทางสำนักงาน กกต.จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้น โดยมีการประสานงานกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อหากแนวทางว่ากรณีที่เกิดเหตุขึ้นนอกจากเป็นความผิดเรื่องการนำเข้าข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์แล้ว การจะหยุดการกระทำจำเป็นต้องร้องต่อศาลหรือใช้อำนาจรัฐมนตรีในการสั่งปิดเพจในโซเชียลมีเดีย
ร.ต.อ.มนูญ วิเชียรนิตย์ ผอ.สำนักสนับสนุนงานสืบสวน กล่าวว่า ความผิดทางโซเชียวจะมี 3 กรณี คือ การนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ การหมิ่นประมาท และการใส่ร้าย ซึ่งกกต.จะดูพาะในกรณีสุดท้ายเป็นหลัก ซึ่งเป็นการใส่ร้ายที่จะเป็นผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต โดยตามกฎหมายไม่ได้กำหนดว่ากกต.จะต้องตรวจสอบเมื่อมีพระราชกฤเลือกตั้งเท่านั้นจึงทำให้กกต.สามารถตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ก็มีการเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ หากเกิดเหตุก็สามารถใช้ข้อมูลที่รวมรวมไว้มาพิจารณาได้