เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีเหตุยิงกันในบ่อนย่านพระราม 3 ว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ว่าได้ออกหมายจับนายบอย มือปืน แล้ว ซึ่งเมื่อวานนี้ตนได้คาดโทษไปแล้วว่าต้องตามจับตัวมือปืนให้ได้ หากไม่ได้ต้องถูกสั่งย้าย ตนไม่ได้พูดเล่น หรือสื่อคิดว่าตนพูดเล่น มันเรื่องขนาดนี้
กรณีมีการพูดถึง “เฮียตี้” ว่าเป็นเจ้าของบ่อน ตนก็สั่งการให้ ผบช.น. ดำเนินการตามจับมาให้ได้ ซึ่งเขาก็แจ้งมาว่าอยู่ระหว่างสืบสวนของคณะทำงาน ตนก็สั่งให้ทำตรงไปตรงมา พยานหลักฐานไปถึงใคร ผิดข้อหาใด ก็ว่ากันไปตามระเบียบ ส่วนเรื่องที่บ่อนมีการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ได้สั่งการในภาพรวมไปหมดแล้ว ถามว่าการไม่มีพยานหลักฐานจะจับในข้อหาพนันได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจคงต้องพยายามรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้เวลาเขาทำงานด้วย เชื่อว่าอย่างไรสื่อและสังคมก็ต้องเฝ้าดูอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ผบช.น. ออกมาพูดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ ผบ.ตร. และนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก็ต้องกลับไปถาม ผบช.น. ความรับผิดชอบแต่ละกองบัญชาการ มี ผบช. ผบก. ผกก. รับผิดชอบอยู่แล้ว ซึ่ง ผบช.น. ก็ออกมายอมรับแล้วว่าเขาบกพร่อง ก็ต้องว่ากันไป
ถามว่านายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาแฉถึง สารวัตร “ซ โซ่” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตนไม่รู้จักเขา แต่เรารับฟังข้อมูลของทุกคน แต่เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบ
“สำหรับการกู้ภาพลักษณ์องค์กรกลับมา ก็ต้องพยายามทำไป ได้แค่ไหนแค่นั้น เหลือเวลาอีก 50 กว่าวัน ก็ต้องทำ ผบ.ตร. ท่านใหม่มาก็ต้องทำ ผมก็พูดมาตลอดว่าองค์กรของผมต้นทุนทางสังคมต่ำ แต่เหตุมันจะเกิดไปห้ามไม่ได้ ต้องยอมรับในส่วนที่ต้นทุนองค์กรผมไม่ดี ภาพลักษณ์มันอาจจะเสีย แต่ในส่วนที่ดีท่านก็ไม่ค่อยลงกัน ผมพยายามทำมากี่เรื่อง ตั้งแต่ถ้ำหลวง โคราช ลพบุรี พยายามทำ แต่ก็ได้เท่านั้น แต่ไม่น้อยใจ อีก 50 วันผมก็ไปแล้ว แต่ตอนนี้ทำให้รู้ว่าผมไม่ได้นิ่งนอนใจ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว