ทั้งนี้ นายสนธิรัตน์ ได้ประชุมหารือร่วมกับข้าราชการ เพื่อสรุปแผนการทำงานในรอบ 1 ปีที่พร้อมกล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม ที่ดำรงตำเเหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ภายใต้การทำงานอย่างใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ใช้ความรู้ความสามารถอย่างสุดกำลัง โดยที่ผ่านได้ดำเนินนโยบายต่างๆ อาทิ ยกระดับภาพลักษณ์ของกระทรวงพลังงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากผ่านการสนับสนุนโครงการสถานีไฟฟ้าชุมชน , สร้างความมั่นคงด้านพลังงานโดยการเปิดสิทธิสำรวจปิโตรเลียมรอบใหม่,พลักดันโครงข่ายขยายยานยนต์ไฟฟ้า กำหนดราคาค่าไฟ
และช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยดำเนินนโยบายลดค่าไฟฟ้า เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ภายใต้กรอบวงเงิน 40,500 ล้านบาท, ยกระดับคุณภาพชีวิตชาวสวนปาล์มด้วยการดำเนินโยบาย B10 ปรับสมดุลปาล์มน้ำมันทั้งระบบ สำหรับโครงการ4 โมเดลโรงไฟฟ้าชุมชน ยังคงเดินหน้าต่อไปได้ เพราะโครงการนี้ในทุกพื้นที่ได้เดินหน้าไปทั้งหมดเเล้ว
สำหรับประเด็นที่ใครจะมาดำรงตำเเหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คนใหม่นั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ที่จะพิจารณา เเละส่วนตัวไม่ได้กังวลอะไรเป็นพิเศษ เป็นบุคคลใดก็ได้ ขอให้เป็นบุคคลที่เป็น“นักบริหาร” สามาถทำงานได้ เพราะมีข้าราชการที่มีความรู้ความสามารถช่วยแนะข้อมูลให้ เพื่อสานต่อนโยบายที่ได้เตรียมไว้เเล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะใช้เวลาพักผ่อน หากมีโอกาสจะกลับไปทำงานด้านสังคมใช้ประสบการณ์ทำงาน อื่นๆ เพื่อสังคมโดยไม่จำเป็นต้องเป็นการนักเมือง เเละหลังจากนี้อยากเห็นการเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ไม่เกิดภาวะการณ์ชะงักงัน อันเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ของประชาชนในสถานการณ์เช่นนี้ ส่วนจะกลับเข้าเล่นการเมืองหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังมองไม่เห็นโอกาส ขอพักก่อน
