หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมDSI ตรวจค้นขบวนการคนต่างด้าวสวมสิทธิคนไทย เปิดบริษัทฝ่าฝืนกฎหมายการประกอบธุรกิจต้องห้ามคนต่างด้าว กระทบต่อความมั่นคง

DSI ตรวจค้นขบวนการคนต่างด้าวสวมสิทธิคนไทย เปิดบริษัทฝ่าฝืนกฎหมายการประกอบธุรกิจต้องห้ามคนต่างด้าว กระทบต่อความมั่นคง

วันที่​ 15 กรกฎาคม 2563 เวลา 14.00 น. : พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย​ พันตำรวจโท ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ,ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล ผู้อำนวยการกองคดีความมั่นคง,นายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย ผู้อำนวยการส่วนคดีความมั่นคง 2 และ นายวีระชาติ ดาริชาติ ผู้แทนกรมการปกครอง ได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการตรวจค้น บริษัท ไถ่ซี่ พัฒนา กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 54/2563

กรณีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษได้บูรณาการข้อมูลกับกรมการปกครอง พบรายชื่อต้องสงสัยว่าเป็นการสวมสิทธิคนสัญชาติไทย ในพื้นที่ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย จำนวน 255 รายชื่อ ซึ่งจากการสืบสวน พบรายชื่อหลายราย มีพฤติการณ์การสวมสิทธิเป็นคนไทย โดยเฉพาะราย นายอาเปา แซ่เซิน ซึ่งขณะนี้ได้ถูกนายทะเบียนเพิกถอนการได้สัญชาติแล้ว เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563

จากการขยายผล เมื่อสวมสิทธิสัญชาติไทยแล้ว ได้ดำเนินธุรกิจต้องห้ามจำนวน 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท 10 พลัส 1 กรุ๊ป จำกัด ประกอบธุรกิจขายส่งข้าวและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการโรงสีข้าว ต้องห้ามตามบัญชี 3 (13),บริษัท อัมรินทร์ จีทีไอ จำกัด ประกอบธุรกิจซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเอง เพื่อการพักอาศัย ต้องห้ามตามบัญชี 1 (9),บริษัท ดียี่ เน็ทเวิร์ค เทคโนโลยี จำกัด ประกอบธุรกิจก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย ต้องห้ามตามบัญชี 3 (10),บริษัท ไถ่ซี่ พัฒนา กรุ๊ป จำกัด ประกอบธุรกิจให้เช่าสังหาริมทรัพย์ทุกชนิด เป็นนายหน้าตัวแทนเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ ต้องห้ามตามบัญชี 1(9) บัญชี 3 (11) มีสินทรัพย์รวมกันเกิน 3,600 ล้านบาท ซึ่งมีลักษณะที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เข้าลักษณะที่เป็นคดีพิเศษ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีคำสั่งให้รับเป็นคดีพิเศษที่ 54/2563

ภายหลังจากการรับเป็นคดีพิเศษ ในวันนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้นำหมายค้นของศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้นบริษัท ไถ่ซี่ พัฒนา กรุ๊ป จำกัด ตั้งอยู่ชั้น 21 ห้องเลขที่ 2102 และ 2105 อาคารเลอคองคอร์ด ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ผลการตรวจค้นพบพยานเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เอกสารงบการเงิน เอกสารสัญญาซื้อขายที่ดิน เอกสารข้อตกลงในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์กับต่างประเทศ เป็นต้น จึงได้ยึดไว้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบนโยบายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เร่งรัดในการปราบปรามอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยให้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการปฏิบัติงานครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมการปกครอง หากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ที่สายด่วน DSI Call Center 1202 (โทรฟรีทั่วประเทศ) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเก็บรักษาข้อมูลผู้แจ้งเบาะแสไว้เป็นความลับ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img