หน้าแรกการเมือง"พิธา" เตือนรัฐเลือกใช้คน - ดักคอนายกฯอย่าตีเช็คเปล่าเงินกู้

“พิธา” เตือนรัฐเลือกใช้คน – ดักคอนายกฯอย่าตีเช็คเปล่าเงินกู้

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ ตั้ง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ ว่าประชาชนเรียกร้องถึงความชัดเจนของบุคลากรที่เป็นทีมเศรษฐกิจและนโยบายเศรษฐกิจ ตอนนี้รัฐบาลออกมาตรการมาหลายรูปแบบทั้ง พ.ร.บ.โอนงบประมาณ พ.ร.ก.กู้เงิน และงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 แต่ถ้าไปดูดัชนีความเชื่อมั่นในการบริโภค ตัวเลขในการ และตัวเลขในการท่องเที่ยวจะเห็นว่าประเทศไทยมีการตอบสนองปัญหาอย่างเต็มที่ ทั้งนโยบายการเงินและการธนาคาร แต่ความเชื่อมั่นของประชาชนและ SMEs กลับต่ำลงเรื่อยๆ รัฐบาลจึงต้องตัดสินใจไม่ใช่แค่ในมุมการเมือง แต่ต้องดูถึงความเหมาะสมเพื่อให้เกิดความมั่นใจกลับคืนมาและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็จะง่ายขึ้น

ดังนั้นบุคคลากรที่เลือกต้องอยู่บนความพร้อม สำหรับแก้ปัญหาในมหาวิกฤตอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ตอนนี้นโยบายต่างๆ ยังไม่ได้เรียกความเชื่อมั่น แต่กลับคงไว้ซึ่งความกลัวจากการต่ออายุ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยไม่มีเหตุผลและความชอบธรรม และไม่มีการเตรียมการสำหรับรับมือกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม หรือสาธารณสุข ภัยแล้ง น้ำท่วม พอถึงตอนนี้จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

ทั้งนี้ นายพิธา ไม่ขอลงรายละเอียดถึงนางนฤมล แต่เสนอว่าบุคคลที่จะเข้ามาทำงานด้านเศรษฐกิจต้องมีความเข้าใจถึง supply chain ระดับโลก เข้าใจการผลิต การเงิน และการธนาคาร รวมทั้งต้องติดดินเข้าใจประชาชนได้จริง แต่จากปัญหาการเมืองที่ระอุมาก จึงไม่มีใครอยากเข้ามาทำงานพยุงเศรษฐกิจ นายกฯต้องจัดบรรยากาศในการทำงานใหม่ ถ้าคนนอกที่อยากเข้ามาทำงานก็อยากรักษาประโยชน์ให้กับประชาชน แต่ถ้าติดเรื่องโควตา และเล่นการเมืองแบบเก่าก็เป็นบรรยากาศที่ไม่มีใครอยากเข้ามา เพราะทำงานแบบไม่มี ส.ส. สนับสนุนเป็นฐานของตัวเองก็เก้าอี้ลอย พอเข้ามาทำงานแล้วสักพักก็ไม่ได้รับการสนับสนุน หรือทำงานเสร็จแล้วผลักออก

 

“พิธา” หวังคนมาใหม่หลัง ปรับ ครม. จะมีวิสัยทัศน์แก้งบประมาณที่ไม่ตรงจุด

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงการจัดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ว่า ตอนนี้เหมือนทำมาเพื่อแช่แข็งประเทศไทย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากปี 2563 ไม่มีการแก้ปัญหาของชาวภาคเหนือ ที่มีปัญหาไฟป่คู่กับโควิด ภาคอีสานภียแล้งคู่กับโควิด หรือภาคใต้ที่มีปัญหาการท่องเที่ยวพร้อมกับโควิด พวกเขาเหล่านี้จะต้องผิดหวัง ซึ่งส่วนตัวมองว่าต้องเร่งเยียวยาภาคใต้ก่อนอันดับแรกตามความเร่งด่วน โดยดูจาก GPP ของภูมิภาคไม่ใช่ GDP ของประเทศ อีกทั้งถ้าเป็นตนเองเห็นจะใช้เทคโนโลยี เช่น เว็บไซต์เราไม่ทิ้งกัน เป็นกลไกให้เข้าถึงประชาชน เหมือนสิงคโปร์ ที่กดทีเดียวก็เงินเยียวยาถึงประชาชน ดังนั้น จึงหวังว่าคนที่จะเข้ามาทำงาน หลังการปรับ ครม. ก็ต้องมีวิสัยทัศน์ในการแก้งบประมาณที่ไม่ตรงจุด คิดแผนให้นายกรัฐมนตรี และหวังว่านายกจะไม่ใช้อำนาจและตีเช็คเปล่า และหากโครงการต่างๆ ที่เสนอมาใช้จ่ายจากงบประมาณเงินกู้ 1.1 ล้านล้านบาทไม่ตอบสนองจุดประสงค์ก็ต้องสามารถโอนกลับมาใช้ในด้านการป้องกันโรคได้

พร้อมกันนี้ ได้กล่าวถึงกรณีผลการสำรวจความเห็นนิด้าโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่สำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองโดยประชาชนร้อยละ 3.93 สนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ขอขอบคุณ แต่ไม่รู้สึกอะไร และจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดเพื่อพิสูจน์ผลงานให้ประชาชน จะก้าวต่อไปและทำงานเป็นตัวเลือกให้ประชาชนต่อไป

 

 

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img