ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายการกวี สงศรี ที่ปรึกษากลุ่มเรารักชาติ รักเสือดำ พร้อมคณะ เกือบ 20 คน สวมหน้ากากเสือดำ เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. เพื่อทวงถามความคืบหน้าการดำเนินคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวอล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม4 ราย ล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก จ.กาญจนบุรี พร้อมกับแจกหน้ากากเสือให้กับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ เป็นที่ระลึกด้วย
นายการกวี สงศรี ที่ปรึกษากลุ่มเรารักชาติ รักเสือดำ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายเปรมชัย ว่าทำไมตำรวจถึงทำงานล่าช้า พร้อมทั้งจะติดตามทวงถามการสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการตามที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวไว้ว่าจะเร่งสรุปสำนวนให้ทันก่อนวันที่26 มีนาคมนี้ หากไม่สามารถสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการได้ภายในวันที่26 มีนาคม ทางกลุ่มเรารักชาติ รักเสือดำ จะเดินทางมาเพื่อทางถามอีกครั้ง
รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ยืนยันว่ากฎหมายมีเพียงมาตรฐานเดียวเท่านั้น ไม่มีการดำเนินคดีกับใครสองมาตรฐาน กฎหมายไม่มีคนรวย ไม่มีจน มีแต่ทำผิดหรือไม่ผิดกฎหมาย อีกทั้ง คดีนี้ไม่เหมือนคดีทั่วไป ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา จึงต้องรวมรวมพยานหลักฐานอื่นๆให้ครบถ้วน และการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต้องเป็นไปตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ย้ำว่าคดีไม่ได้ล่าช้า มั่นใจวันที่ 26 มีนาคมนี้ สามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการได้ ยืนยันกับประชาชน กับสังคมโซเชียลว่าเสือดำไม่ตายฟรี อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้ จะเดินทางที่ สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจสอบสำนวนคดี ของนายเปรมชัยและพวก ว่าครบถ้วนหรือไม่ หากครบถ้วนก็จะนำส่งพนักงานอัยการทันที
พล.ต.อ.ศรีวราห์ ชี้แจงกรณีสังคมโซเชียลเผยแพร่คลิปวิดีโอ ที่มีการเชิญนิติกรของกรมอุทยานฯออกนอกห้องสอบสวน ที่กองบัญชาการตำ รวจภูธรภาค7 ว่า วันนั้นพนักงานสอบสวนนัด นายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้ากรมอุทยานฯ มาซักถามประเด็นเพิ่มเติม เกี่ยวกับการแจ้งข้อหานายเปรมชัย ดังนั้นนิติกรจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องหรือร่วมรับฟัง เนื่องจากโดยทั่วไปถ้าจะมีนิติกรร่วมรับฟังก็ต่อเมื่อตำรวจสอบปากคำผู้ต้องหรือเด็กเท่านั้น แต่นายวิเชียร ไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่มาให้ปากคำในฐานผู้ร้องข์กล่าวโทษนายเปรมชัย จึงไม่จำเป็นต้องมีนิติกร
สำหรับกรณีที่นายเปรมชัย ได้เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย หลังจากมีกำหนดการเดินทางต่างประเทศนั้น รองผบ.ตร. กล่าวว่า การเดินทางเข้าออกประเทศ ออกไปแล้วจะเข้ามาหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวน เพราะพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสิ้นสุดทุกขั้นของตำรวจแล้ว คือฝากขังต่อศาลไปแล้ว อำนาจอยู่ที่ศาล ไม่ได้อยู่ที่พนักงานสอบสวน และในวันที่ 14 มีนาคม พนักงานสอบสวนได้ออกหมายให้มารับทราบข้อกล่าวหา ทั้งเรื่องอาวุธปืน ครอบครองงาช้างผิดกฎหมาย
และพยายามติดสินบนเจ้าพนักงาน โดยการแจ้งข้อกล่าวทั้งหมดหลายคดี และเชื่อมั่นว่าพนักงานอัยจะสั่ง
ฟ้องทุกข้อหาเช่นกัน สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ส่วนกรณีที่สังคมเกรงว่านายเปรมชัยจะหลบหนีนั้น ตราบใดที่ศาลยังไม่ถึงชั้นฎีกา เชื่อว่าไม่มีความจำเป็นต้องหลบหนี
ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พฐก. กล่าวว่า ที่ผ่านมากองพิสูจน์หลักฐานกลางได้มีการประสานงานความร่วมมือกับกรมอุทยานฯมาโดยตลอด ส่วนเรื่องการจำลองวิถีกระสุนที่ทางกรมอุทยานฯส่งมาให้นั้น ย้ำว่าไม่สามารถพิสูจน์ได้เนื่องจากไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ เพราะการไปกำหนดตำแหน่งของเสือที่ถูกยิงที่ชัดเจนนั้นทำได้ยาก เมื่อเสือถูกยิงแล้วเสือวิ่งไปเสียชีวิตที่ไหนอีก ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ทั้งนี้ยืนยันไม่ได้มีความขัดแยังกับทางกรมอุทยานฯยังทำงานประสานกันอยู่ตลอด
ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า นายเปรมชัย ยังไม่ได้ไปไหน การที่เขาเดินทางออกนอกประเทศ ก็อยู่ในเงื่อนไขของศาล เพราะศาลไม่ได้ห้าม เป็นอำนาจของศาล ไปก้าวล่วงไม่ได้ เรื่องนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กำกับดูแลอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง ย้ำว่าการทำสำนวนยังไม่พบข้อพิรุธ หรือข้อบกพร่อง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ดำเนินการไปได้เลย เพราะมีความรู้ มีประสบการณ์ ถ้ามีประเด็นอะไรใหม่ก็รายงานที่ตนอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่สังคมโซเชียลมีข้อเรียกร้องต่างๆ ก็เป็นเรื่องดี ช่วยกันตรวจสอบ ช่วยกันดู เหมาะสำหรับประเทศไทย
มีรายงานว่าวันพรุ่งนี้(13 มี.ค.) ในช่วงเช้า พล.ต.อ.ศรีวราห์ จะเดินทางไปที่ สภ.ทองผาภูมิ เพื่อตรวจดู รายละเอียดทุกประเด็น ว่าในสำนวนทั้ง 9 ข้อหา สมบูรณ์ครบถ้วนหรือไม่ หากว่าสำนวนครบถ้วนสมบูรณ์ ก็จะให้พนักงานสอบสวน นำสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการศาลจังหวัดทองผาภูมิในช่วงบ่ายวันเดียวกัน