พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า การประชุมในวันนี้เพื่อนำมติเข้าสู่ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีการสั่งมายังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนซึ่งขณะนี้เข้าสู่ระยะที่ 4 ซึ่งการผ่อนคลายจะต้องให้ความสำคัญ 2 ข้อใหญ่ คือ กิจการ-กิจกรรม ต้องคำนึงถึงความจำเป็นและความเสี่ยง และ ความพร้อมในส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการ รวมถึงความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแล ส่วนตัวยอมรับว่า ศบค. ไม่สามารถที่จะติดตามได้ทุกธุรกิจ และในวันนี้จะมารับทราบถึงปัญหาที่ผู้ประกอบการมาพูดคุยกัน เพื่อรับทราบถึงข้อปัญหาทุกอย่างที่พูดคุยกัน แล้วนำมาเป็นข้อสรุปในการผ่อนคายกิจการ-กิจกรรม ต่อไป
ด้าน นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวถึงความลำบาก ก่อนการผ่อนคายระยะที่ 4 ผู้ประกอบการไม่ได้รับอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมถึงมาตรการเคอร์ฟิว ทำให้ผู้มาใช้บริการไม่สามารถใช้บริการได้เกินกำหนดระยะเวลาที่ภาครัฐจะกำหนดไว้ แต่ทั้งนี้ ยังมีธุรกิจชนิดอื่นที่ไม่ใช่ ผับ บาร์ หรือสถานบันเทิง เช่น ร้านอาหาร เป็นธุรกิจที่สามารถผ่อนปรนได้ เพราะร้านค้าแต่ละร้านทำตามมาตรการที่รัฐกำหนดไว้ ส่วนตัวเชื่อว่า ผู้ประกอบการทุกคนเชื่อมั่นในการทำงานของ ศบค. ที่ทำให้ไม่เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศเป็นระยะเวลา 28 วัน แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการ คือ หากบางธุรกิจต้องลดจำนวนพนักงาน หรือลูกจ้างออกไป ภาครัฐจะมีนโยบายช่วยเหลืออย่างไร ทุกคนอยากเห็นมาตรที่เป็นรูปธรรม หากยังไม่ปลดล็อกให้ธุรกิจสถานบันเทิง ภาครัฐจะช่วยยังไง ส่วนตัวขอแค่ให้ภาครัฐช่วยผ่อนคลาย เพราะผลกระทบกระทบนั้น ส่งผลให้กลุ่มนักดนตรี ที่ไม่ใช่พนักงานประจำ ไม่มีรายได้ ซึ่งจะได้รับค่าตอบแทน ตนจึงอยากจะเสนอให้ภาครัฐหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างชัดเจนในส่วนนี้ด้วย