นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ตามข้อ 5 วรรคสอง ของประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ ลงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563 ได้กำหนดให้อธิบดีกรมการจัดหางานออกประกาศกำหนดเงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทำงานกรรมกรและงานขายของหน้าร้าน ซึ่งเป็นงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยมีเงื่อนไขให้คนต่างด้าวทำงานนั้นได้ก็เฉพาะงานที่มีนายจ้าง และได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ (MOU) ตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงแรงงานกำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ โดยที่ก่อนออกประกาศกำหนดเงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทำงานกรรมกรและงานขายของหน้าร้าน กรมการจัดหางานได้รับฟังความคิดเห็นทั้งจากหน่วยงานราชการ และหน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงออกประกาศกรมการจัดหางาน เรื่องเงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทางานกรรมกรและงานขายของ หน้าร้านกับนายจ้าง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป เพื่อกำหนดเงื่อนไขการรับคนต่างด้าวเข้าทำงานกรรมกรและงานขายของหน้าร้าน
ทั้งนี้ หากไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว คนต่างด้าวและนายจ้างจะมีความผิดตามพระราชกาหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยคนต่างด้าวจะมีความผิดตามมาตรา 8 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 50,000 บาท และเมื่อได้ชำระค่าปรับแล้ว ให้ส่งคนต่างด้าวผู้นั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักรส่วนนายจ้างจะมีความผิดตามมาตรา 9 สำหรับการกระทำความผิดครั้งแรก ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 10,000 ถึง 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน และหากเป็นการกระทำความผิดครั้งที่สองต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 ถึง 200,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามผู้นั้นจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลาสามปีนับแต่วันที่ศาล มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ