ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รองผบช.ก. พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. และ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการกองวินัย แถลงความคืบหน้าการคลี่คลายคดี การอ้างสิทธิเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล หมายเลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.2560 รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท เป็นข้อพิพาทกัน ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมล อดีตข้าราชการตำรวจ และนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการ พิเศษใน จ.กาญจนบุรี หลังจากเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) ดำเนินคดีกับ นายปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น คนขายล็อตเตอรี่ ฐานแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา ไปแล้ว และบก.ปปป.โดยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลดำเนินคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ช่วยราชการศปก.ตร. ที่เข้าไปเกี่ยวข้องเปลี่ยนแปลงสำนวนคดี
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามตนถึงการดำเนินการกับข้าราชการตำรวจที่เข้าไปเกี่ยว
ข้องในคดี ตนก็ตอบไปว่าขอเวลาให้ บช.ก. สืบสวนขยายผลไปก่อน จากที่รับโอนมาจาก สภ.เมืองกาญจนบุรี และมีการโอนคดีมาไว้ที่ส่วนกลาง จนมีการดำเนินคดีออกหมายจับนายปรีชา และเจ๊บ้าบิ่นไปแล้ว ซึ่งการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง พยานหลักฐานก็ต้องนิ่ง เพื่อเสนอไปยังอัยการ คดีใหญ่ต้องเป็นลักษณะแบบนี้ ส่วนการดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี สอบสวนกลางได้ดำเนินการแล้ว
“การดำเนินการกับตำรวจ เปรียบเสมือนผมเป็นพ่อ ผมจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าลูกแต่ละคนเป็นอย่างไร บางครั้งอย่าบังคับให้ผมต้องตอบในเวลานั้น ผมบอกแต่แรกแล้วถ้าจะเกี่ยวข้องก็ต้องลงโทษดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ผมยืนยันแต่แรกเรื่องนี้ไม่มีมวยล้ม ต้มคนดู ซึ่งนักข่าวก็หาเรื่องถามผม” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังกล่าวว่า ส่วนจะมีการตรวจสอบ บช.ภ.7 ว่ามีการทำสำนวนคดีบกพร่องหรือไม่ เพราะเคยตั้งกรรมการตรวจสอบคดียักยอกทรัพย์ที่นายปรีชา กล่าวหา ร.ต.ท.จรูญ แล้ววสรุปออกมาเช่นเดียวกับสภ.เมืองกาญจนบุรี ว่า คดีนั้น ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว ถ้ามีมูลก็ต้องตรวจสอบ ดูที่ผลของคณะกรรมการจะสรุปมาอีกที ไม่ไปแทรกแทรงอยู่แล้ว ถ้าคณะกรรมการว่ายังไงก็ว่าไปตามนั้น ตนบอกแล้วว่าไม่มีมวยล้มต้มคนดู
” ในส่วนของตำรวจคดีนี้ถ้าพูดภาษาเราๆคือติดกระดุมเม็ดบนผิด เม็ด2 เม็ด 3 ผิดหมด เอาง่ายๆเข้าใจง่าย ถ้า1 ผิด 2 และ 3 ผิด อันนี้เริ่มต้นที่เมืองกาญจน์” ผบ.ตร.กล่าว
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้างที่วันนี้มีการแถลงข่าวเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้บังคับการจังหวัด พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ก็ปกติ ใครที่ทำผิดกฎหมายไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือชาวบ้าน ก็ว่าไปตามกระบวนการ ไม่ได้รู้สึกกังวล เพราะตนบอกแต่แรกแล้วมีแต่ปลดออก ไล่ออก ยุคนี้ไม่มี และตนเชื่อว่าสื่อมวลชนก็ต้องเชื่อว่าต้องช่วยตำรวจด้วยกัน มันช่วยไม่ได้เรื่องกฎหมาย แต่ทิศทางจะไป ปปช. หรือวินัยก็ว่ากันไป ซึ่งการดำเนินการทางวินัยกับ พล.ต.ต.สุทธิ ว่ากันไปตามกระบวนการ ขั้นตอนไม่มีการละเว้นอยู่แล้ว กรณีนี้หากคณะกรรมการที่สืบสวนสอบสวน เสนอมาอย่างไร ตนก็จะดำเนินการออกคำสั่งไปตามเสนอ
เมื่อถามว่าอยากจะฝากอะไรถึง พล.ต.ต.สุทธิ หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า พูดอะไร ตนไม่ต้องบอกเจ้าตัวเขาหรอก อยากเตือนตำรวจทั่วประเทศด้วยซ้ำ
“จริงๆแล้วตำรวจทุกคนทั่วประเทศรู้อยู่แล้วหน้าที่ตัวเองมีอะไร ตนต้องมานั่งบอกที่ละคนหรือ เจ้าหน้าที่ตั้ง 2 แสนกว่านาย ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจะทำอะไรให้ประชาชน อย่าทำอะไรเพื่อตัวเอง ไม่ต้องฝากถึงส่วนตัวหรอก โดยทั่วไปตำรวจรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง จะเกี่ยวข้องมากน้อยขนาดไหน” ผบ.ตร.กล่าว
การดำเนินการทางวินัยกับ พล.ต.ต.สุทธิ ว่ากันไปตามกระบวนการ ขั้นตอนไม่มีการละเว้นอยู่แล้ว กรณีนี้หากคณะกรรมการที่สืบสวนสอบสวน เสนอมาอย่างไร ตนก็จะดำเนินการออกคำสั่งไปตามเสนอ
ด้าน พล.ต.ต.กมล กล่าวว่า พนักงานสอบสวนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ถูกดำเนินคดีตามที่ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.มา
ร้องทุกข์ และเป็นพนักงานสอบสวนในคดี มาร้องทุกข์ว่าการสอบสวนคดีดังกล่าวมีการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ ส่วนพนักงานสอบสวนอีก2 นาย มีความเห็นว่า การที่จะดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.สุทธิ ต้องมีพยานที่จะสามารถระบุการกระทำผิด ซึ่งในสำนวนยังพบว่าพยานหลักฐาน อื่นยังไม่ชัดเจน มีเพียงพยาน2ปากที่รู้เห็นการกระทำความผิด สามารถที่จะเป็นพยานได้ จึงมีเสนอผู้บังคับบัญชา พล.ต.ท.ฐิติราช และมีความเห็นกันไว้เป็นพยาน ขณะนี้มีการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียง คนเดียว คือ พล.ต.ต.สุทธิ
พล.ต.ต.กมล ขยายความการสอบสวนโดยมิชอบว่า คือการเปลี่ยนแปลง แก้ไข คำให้การที่เป็นประเด็นสาระสำคัญ ก็มีเรื่องวันเวลา สถานที่เกิดเหตุ มีการยืนยันล็อตเตอรีว่าอยู่กับครูปรีชา และแก้คำให้การให้มันสอดคล้องต้องกัน สำนวนแก้มาตลอด สำนวนจะชอบด้วยกฎหมายได้อย่างไร
ขณะที่ พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแรกที่เกิดขึ้น ปัญหาล็อตเตอรีเกิดขึ้นตั้งแต่ปี2559 แล้ว เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่ามีคนแบบนี้จะเกิดขึ้นในสัมคม ต้องใช้นักสืบฝีมือดีจากกองปราบ บช.ก. มาพิสูจน์ทราบเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ซับซ้อน ตามที่เคยพูดก่อนหน้านี้ว่า ในตอนแรก ร.ต.ท.จรูญ ให้การอะไรไม่ได้เลย จำอะไรไม่ได้เลย ขณะที่นายปรีชา เป็นครู มีพยานรองรับหลายปาก คำให้การสอดคล้องต้องกัน น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง แต่ตำรวจทำงานด้วยความเชื่อไม่ได้ ร.ต.ท.จรูญ ตัดโอกาสตัวเอง ไม่มีพยาน ไม่ชี้แจง แต่เมื่อคนมาโต้แย้งกรรมสิทธิ์ ก็ต้องใช้แนวการสืบสวนต่างๆ แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด สมมุติว่าที่กล่าวอ้างมาทั้งหมดเป็นเท็จ แสดงว่าอีกฝ่ายหนึ่งถูก เป็นหลักการตรรกะเบื้องต้น 3 คนที่เกี่ยวข้องกับที่เกิดเหตุ ถือว่ามีคำตอบให้กับสังคมแล้ว ศาลออกหมายจับไปแล้ว2 คน คนแรก มีล็อตเตอรีรางวัลที่1 ในแผงจริง ส่วนครูชา เป็นคำให้การทั้งสิ้น ซึ่งเกิดจากความจำ แล้วความจำคนเราก็อาจคลาดเคลื่อนได้ จากการสืบสวนตำรวจพบคำให้การเป็นเท็จหมด แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
“สำหรับผบก.กาญจนบุรี พฤติการณ์ เกิดขึ้นจากความเชื่อเริ่มต้น ตำรวจไม่ควรทำงานด้วยความเชื่อ เรื่องความเชื่อถูกทำให้เชื่อมาหลายครั้งด้วยคำให้การ เป็นข้อสังเกต ให้เป็นอุทธาหรณ์ ไม่อยากให้สร้างความวุ่นวายในสังคม และเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับสังคม ผมบอกด้วยความสัตย์จริงผู้การฯ กาญจนบุรีไม่ได้ทุจริต เพียงแต่ทำงานด้วยวุฒิภาวะที่ต่ำ ขาดประสบการณ์ ขาดทักษะการทำงานด้านการสืบสวนสอบสวน จึงให้ผู้การฯกาญจนบุรีกอดคอไปด้วยกันครูปรีชา” ผบช.ก.กล่าว และว่า คำตอบเรื่องนี้มีเท่านี้ เริ่มต้นไม่ทุจริตเลย แต่หลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงคำให้การ เพราะเริ่มต้นจากความเชื่อ ถือเป็นเรื่องที่ผิด ส่วนประเด็นการอายัดบัญชีธนาคารของคนที่ถูกล็อตเตอรี่ผิดใหม ก็จะเปรียบเทียบให้ฟังคดีที่ จ.สุพรรณบุรี พนักงานสอบสวนไม่ได้อายัดเงิน คนที่นำล็อตเตอรีของป้านำเงิน6ล้านหนีออกไปต่างประเทศ ข้อหาลักทรัพย์ ลักของโจร อันนั้นไม่ได้อายัดบัญชี แต่ที่เมืองกาญจน์ ผิด ถูก กฎหมายอีกเรื่อง แต่เงินไม่ไปไหน ดอกเบี้ยวิ่งปกติ เงินบัญชี จะถูกหรือผิดค่อยว่ากันอีกที ก็ลองพิจารณาดู2 เรื่องเปรียบเทียบกันดู ที่ จ.สุพรรณบุรี เสียหายเรียบร้อยแล้ว ป้าไม่ได้เงินสักบาท นี่คือเป็นสิ่งที่สังเกต
ผบช.ก. กล่าวและว่าที่เกิดเหตุมีแค่3 คน ไม่ซับซ้อน ครั้งแรกที่มาทำเรื่องนี้ มีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับคดีล็อตเตอรีว่าจะน่าจะมีอะไรเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือเปล่า เช่น คนขายล็อตเตอรี่นำล็อตเตอรีจากกองสลาก กระทั่งผ่านยี่ปั๊ว ซาปั๊ว มาถึงแผง อาจจะรู้ว่าล็อตเตอร์ของตัวเองที่อยู่ในแผงมีรางวัลที่1 จึงมาสร้างสถานการณ์ แต่ทั้งหมดที่เกิดเรื่องทุกคดีมีแค่นี้เอง ผู้ขาย ผู้ซื้อ” ผบช.ก. กล่าว
พล.ต.ต.ฐิติราช กล่าวว่า อายัดก็ผิด ไม่อายัดก็ผิด ต้องทำอย่างไรดี เป็นข้อสังเกตว่าต่อไปต้องมีการคุยกันหลายส่วน ต่อไปไม่ให้เกิดเหตุอีก จะได้ปฎิบัติกันถูกทุกๆฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นกองสลาก ธนาคาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ที่ขายล็อตเตอรี่ ต้องมาจัดระเบียบกันใหม่หมดเลย วันนี้ก็ได้ประโยชน์จากการทำคดีนี้เยอะ เราไล่ไทม์ไลน์นี้มาจากกองสลากค่อนข้างชัดพอสมควร แต่ยังมีการปนเปื้อนอยู่ช่วงก่อนลงแผง เพราะบางทีต้องนำจากหลายที่มาเย็บรวมกันเป็นชุดเพื่อให้ได้ราคาดี ส่วนใหญ่จะค่อนข้างไล่รายละเอียดได้แล้ว คงต้องมีการปรับแก้กันทุกๆฝ่าย ถือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นกรณีศึกษา ว่าควรต้องปฎิบัติอย่างไร รวมถึงข้อกฎหมาย คงต้องหารือกัน
พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวอีกว่า ผบก.กาญจนบุรี เชื่อว่าครูปรีชาถูก หลังจากนั้นก็มีกระบวนทำสำนวนให้มีหลักฐานสั่งฟ้องไปที่อัยการ ก็คือคำให้การของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่มีการปรับเปลี่ยนให้กลมกลืน พยายามทำให้สำนวนพ้นตัวตำรวจ มีหลักฐานพอฟ้อง ให้ไปสู้กันที่ศาล นี่เป็นเรื่องบกพร่อง
” ในความเป็นจริงเรามีปัญหาอะไรก็เชื่อจากคนใกล้ตัว เช่น เชื่อ พี่ น้อง พ่อ แม่ นี่เป็นคดีใช้ความเชื่อไม่ได้ แต่ทั้งหมดก็ยังไม่สร้างความกระจ่าย นักจิตวิทยายังตอบได้ว่าใครจริงใครปลอม ตำรวจไม่อยากให้ใครมาติดคุกเลย อย่างที่บอกมันเป็นความเชื่อในพื้นที่นั้นๆ เหมือนสะกดจิตหมู่ ส่วนผบก.กาญจนบุรี ตอนนี้หลังจากคุยกัน ได้สติแล้วว่าทำอะไรลงไป ดีขึ้นเยอะ เกี่ยวกับความเชื่อ ส่วนการเรียก ร.ต.ท.จรูญ ไปคุยที่้บ้าน ก็เพราะความเชื่อว่าฝั่งหนึ่งถูก ฝั่งหนึ่งผิด พูดให้ถอยเพื่อเปิดทาง แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ เป็นฝั่งที่ถูก พูดเยอะไม่ได้ เกรงว่าจะเสียผลทางคดี หลายคนที่เป็นกองเชียร์ก็ตามดูอยู่ มีการกล่าวร้ายการทำงานของตำรวจกองปราบ ตนก็บอกให้ตำรวจอดทน พยายามไม่ออกหมายจับ ถ้ามีเหตุควรเชื่อก็ออกหมายเรียก มารับทราบข้อกล่าวหาไป” ผบช.ก.กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีมีเรื่องผลประโยชน์ มาเกี่ยวข้องหรือไม่ ทำให้ทำคดีเช่นนี้ ผบช.ก.กล่าวว่า มันมีการเสนอ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้รับในส่วนนั้นหรอก เรื่องนี้ไม่ขอเปิดเผย แค่นี้พอแล้ว เขาพยามเสนอ แต่ไม่ได้กล่าวว่าเป็นใคร
เมื่อถามว่า เป็นการเสนอส่วนแบ่ง หรือไม่ ผบช.ก.กล่าวว่า ครับ ก็ประมาณอย่างนั้น เป็นเรื่องในสำนวน
ด้านพล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการกองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการดำเนินการทางวินัย กับพล.ต.ต.สุทธิ ว่า โดยหลักการแล้วการดำเนินการทางวินัย เป็นอำนาจหน้าที่ของ ผู้บังคับบัญชาในกรณีนี้คือกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ที่ต้องสั่งการ หลังจากมีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว โดยจะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง สืบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ามีมูลความผิด ก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ตามลำดับ ส่วนจะเป็นวินัยร้ายแรง หรือไม่ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริง ผลการตรวจสอบสืบสวน ส่วนจะต้องมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ให้พักราชการหรือออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่ อยู่ที่ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาพิจารณา ทั้งนี้เป็นไปตาม มาตรา 95 พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และกฎก.ตร. การจะให้ออกจากราชการไว้ก่อน อยู่ในกรณีหากอยู่ในตำแหน่งแล้วกระทบการปฏิบัติหน้าที่ หรือกระทบต่อการสืบสวนสอบสวนเรื่องที่ถูกตั้งกรรมการ โดยยอมรับว่าที่ผ่านมากรณีที่ข้าราชการตำรวจต้องคดีอาญามาตรา 157 ผู้มีอำนาจ หรือผู้บังคับบัญชาจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน แต่กรณีนี้อยู่ที่ข้อเท็จจริงและดุลพินิจ
ทั้งนี้ ม. 95 พ.ร.บ.ตำรวจฯ ระบุว่า ข้าราชการตำรวจผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวน หรือต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาหรือถูกฟ้องคดีอาญา เว้นแต่เป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ผู้มีอำนาจ หรือผู้บังคับบัญชาอื่นตามที่กำหนดในระเบียบ ก.ตร. มีอำนาจสั่งพักราชการ