นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า ร่าง พรบ.โอนงบงบประมาณฯ ที่ได้นำเสนอเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เพราะหากย้อนดูสถานการณ์ช่วงเวลาของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเห็นว่าสถานการณ์ในเดือนมีนาคมเริ่มการระบาดในประเทศไทยและรุนแรงต่อเนื่อง จนต้องมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ทั้งนี้ วันที่ 7 เมษายน คณะรัฐมนตรีมีมติเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การโอนงบประมาณหรือหลักเกณฑ์ว่ามีงบประมาณส่วนใดบ้าง ที่ไม่สามารถใช้ได้ จากนั้นวันที่ 19 เมษายน ก็มีประกาศ พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ ซึ่งสภาฯได้ผ่านการพิจารณาอนุมติไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยงบกลางมีความจำเป็นที่รัฐมีไว้เพื่อสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ เหมือนกับนำมาใช้แก้ไขปัญหาไวรัสโควิดในครั้งนี้ งบประมาณปี 2563 ต้องมีส่วนที่ไม่สามารถจะดำเนินการได้ เมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 แล้ว รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการใช้งบประมาณ ดังนั้น การพิจารณาว่า เมื่อไม่สามารถใช้งบประมาณในส่วนนั้นได้ ทำอย่างไร จึงจะนำงบประมาณนั้น มาใช้ประโยชน์ ประกอบกับเมื่อไม่มีงบกลางเพียงพอที่จะรองรับสถานการณ์ได้
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่ต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งคือกระทรวงกลาโหมที่ปรับลดงบประมาณมากที่สุดถึง 14 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกระทรวงที่เกี่ยวเนื่องกับประชาชน เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน เป็นกระทรวงที่ปรับลดน้อย เพราะได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม การปรับลดดังกล่าว เนื่องจากงบประมาณในส่วนนั้นไม่สามารถใช้ได้ จะนำมาใช้งบกลางเพื่อสำรองในส่วนของเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ ตนขอสนับสนุนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว และเห็นควรรับหลักการ