นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายความกังวลถึงการใช้เงินกู้ 400,000 ล้านบาทในการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคม ว่าควรนำเงินส่วนนี้ไปพื้นฟูในเศรษฐกิจฐานราก เพราะวิกฤตครั้งนี้ประชาชนจำนวนมากเคลื่อนย้ายออกจากเมืองกลับไปสู่ชนบท เพื่อกลับไปพึ่งพาทำอาชีพในชนบทมากขึ้น อีกทั้งเม็ดเงินเพียง 400,000 ล้านบาท มองว่าไม่ได้มากมายแต่อยู่ที่จะใช้อย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ให้เกิดการทุจริต โดยเฉพาะการทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง ที่ พบว่าแม้สถานการณ์ยากลำบากขณะนี้ ยังมีหน่วยงานทุจริตจัดซื้อจัดจ้างแพงเกินจริง มีการรียกเก็บค่าหัวคิวโรงแรม กักตัวคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ แม้คนในรัฐบาลบางคน จะยืนยันว่า การใช้งบประมาณครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับนักการเมืองออกไป ไม่มีรัฐมนตรีเกี่ยวข้อง เพราะมีกรรมการกลั่นกรองที่เป็นข้าราชการประจำพิจารณาอย่างโปร่งใสอยู่แล้ว ซึ่งส่วนตัวมองว่าอะไรเป็นหลักประกันได้ว่าข้าราชการจะไม่ทุจริต เห็นได้จากปี 2557 แม้ที่ไม่มีนักการเมือง เพราะเป็นรัฐบาลยึดอำนาจ แต่ มีการข้าราชการทุจริตจำนวนมาก ทั้งงานเบี้ยเลี้ยงผู้พิการ ทุจริตเงินทอนวัด ก็มาจากข้าราชการทั้งสิ้น ส่วนตัวจึงไม่ไว้ใจว่าเงินจำนวนนี้จะนำไปใช้อย่างโปร่งใส เพราะอาจมีโจรใส่สูทมาขูดรีดประชาชนจากการใช้เงินก่อนนี้ ได้ จึงขอเสนอ 5แนวทาง ในการใช้เงินอย่างโปร่งใสคือ
1.ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำโครงการตามนโยบายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ไม่ใช่เอาโครงการเก่ามาปัดฝุ่น แล้วอ้างสถานการณ์โควิดบังหน้า
2.ให้มีผู้ทรงคุณวุฒิภาคประชาชน เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการกลั่นนกรอง เพื่อช่วยหาวิธีป้องกันการทุจริต
3.มีแนวทางการใช้งบประมาณที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือหรือสามารถตีความไปหลายทางเอื้อต่อการทุจริต
4.เปิดเผยการใช้เงินของทุกโครงการให้ประชาชนตรวจสอบได้ตลอดเวลา
5.นายกรัฐมนตรีควรตั้งคณะกรรมการเพื่อรับเรื่องร้องเรียนการทุจริตการใช้งบประมาณก้อนนี้ด้วย
ทั้งนี้ส่วนตัวขอให้เงินกู้ครั้งนี้เป็นเงินกู้ของประชาชนไม่ใช่เงินกู้เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง
