นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีมีข่าวว่านายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาศึกษารองรับเพื่อรองรับกรณีหากมีการยกเลิกประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 ว่า นายกฯ ไม่ได้ตั้งคณะกรรมการ แต่มอบหมายให้ตนเอง และ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เสนอนายกฯว่า จำเป็นต้องมีการพิจารณาจะใช้กฎหมายใด หรือออกมาตรการอะไรมารองรับ หลังจากเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่มีความละเอียดอ่อนหากเลิกประกาศใช้ไปแล้วไม่มีสิ่งใดมารองรับจะเกิดปัญหาตามมา ซึ่งส่วนตัวคิดว่าเมื่อถึงเวลาเกิดปัญหาแล้ว ก็สามารถประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้อีกครั้ง ตามมาตรา 5 ของ พ.ร.ก.ที่บัญญัติว่ากรณีที่จำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วน นายกรัฐมนตรีสามารถสั่งการเองได้ก่อน จากนั้นจึงไปขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีภายใน 3 วัน หากไม่ขอ ครม. ภายในกำหนดถือว่าประกาศสถานการณ์นั้นสิ้นสุดไป
พร้อมกันนี้ นายวิษณุ ย้ำว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะเป็นกฎหมายแม่ที่ยังคงอยู่ แต่เมื่อจะใช้บังคับต้องออกกฏหมายลูก คือประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่นายกฯต้องขอความเห็นชอบจาก ครม.และหากยกเลิกประกาศใช้ไปแล้ว ต่อมาเกิดปัญหา แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรงที่สุดก็ไม่ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯอีกก็ได้ แต่สามารถนำมาตรการอื่นมาใช้ได้ แต่ไม่ใช่กฎหมายความมั่นคงเพราะสามารถใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ที่ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการได้ แต่อาจเกิดความลักลั่น
ในบางกรณี ดังนั้นอาจจะออกมติ ครม.มาอุดช่องโหว่ในเรื่องตรงนี้ได้ เนื่องจากต้องปฎิบัติตามมติ ครม.ส่วนมาตรการที่จะออกมารองรับนั้น ทางคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแพทย์จากสถาบันการศึกษาและจากกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมกันพิจารณา เพราะนายกฯยึดเงื่อนไขสำคัญที่ในการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน คือเรื่องความปลอดภัยทางสาธารณสุขต้องเป็นที่วางใจได้ก่อน