พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการดังกล่าวที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ จะพิจารณาผ่อนปรนมาตรการให้กับกิจการ กิจกรรมเพิ่มเติม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีประเภท หรือกิจการใดบ้างในขณะนี้ เนื่องจากจะต้องรอการประชุม ที่จะนำข้อมูลจากหลายส่วนมาพิจารณาประกอบ โดยเฉพาระข้อมูลจากด้านกระทรวงสาธารณสุขจากแพทย์ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ จากผู้ประกอบการ ปัญหาปากท้องของประชาชน ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมไว้ จึงไม่สามารถเปิดเผยกิจการใดจะได้รับการผ่อนปรนระยะ 3 ในขณะนี้ได้ แต่หลักการก็จะเป็นเช่นเดิมคือ คำนึงถึงความปลอดภัยไม่มีการแพร่ระบาดของโรคควบคู่ไปกับเศรษฐกิจอย่างที่เคยพิจารณาผ่อนปรนไปแล้ว 2 เฟส นายสมศักดิ์ ย้ำว่า การพิจารณาผ่อนปรนในเฟส 3 และ 4 ซึ่งเป็นประเภท ธุรกิจที่มีความเสี่ยงมากกว่า เฟส 1 และ 2 จะต้องพิจารณาปัจจัยประกอบหลายอย่าง อาทิ การเตรียมเปิดภาคเรียนของโรงเรียนบางส่วนที่จะเริ่มเรียนในเดือนมิถุนายนและเดือนกรกฎาคม สภาพอากาศที่เข้าฤดูฝนแล้ว รวมถึง การประกาศเคอร์ฟิว ที่ต้องสอดรับมีความปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ขอให้ธุรกิจที่รอการผ่อนปรนได้เตรียมตัว และปรับแนวทางการให้บริการให้พร้อม เพราะหากแม้ไม่ได้รับการผ่อนปรนในระยะที่ 3 ก็จะได้รับการผ่อนปรนในระยะที่ 4 อยู่แล้ว จึงขอให้เตรียมความพร้อมไว้ในระหว่างนี้ได้
นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 จะพิจารณาระยะเวลาในการประกาศเคอร์ฟิว ว่าจะยังคงไว้ที่ 23.00 น. ถึง 04.00 น. ต่อไปอีกหรือไม่ หรือ หากจะมีการปรับลด จะยังคงไว้กี่ชั่วโมง และถ้าจะปรับควรจะขยับจากเวลา 23.00 น. เป็น 24.00 -04.00 น. หรือ เริ่มที่ 23.00 น. ถึง 03.00 น. ที่ทุกอย่างต้องสอดคล้องกัน
ทั้งนี้ ผลที่ได้จากการประชุมวันที่ 27 พฤษภาคม จะเสนอต่อที่ประชุม ศบค. ในวันที่ 29 พฤษภาคม เพื่อพยายามให้การผ่อนปรนระยะที่ 3 ใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ได้