นพ.ระวี ระบุว่า จากกรณีที่รัฐบาลเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้มีการพิจารณาอนุมัติการเดินทางร่วมเจรจาข้อตกลงความเข้าใจและความก้าวหน้า เพื่อหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (cptpp ) ซึ่งต่อมาได้มีการถอนวาระออกไป เนื่องจากมีการคัดค้านจากหลายภาคส่วนที่มีความกังวลกับข้อตกลงฉบับนี้ เช่น ผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข ในการผลิตยาเวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ ซึ่งจะกระทบต่อการรักษาพยาบาลประชาชนโดยตรง
นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขันสินค้าเกษตรจากต่างประเทศที่จะเข้ามาตีตลาดหลังเปิดเสรีด้านการค้า อีกทั้งยังมีข้อญัตติให้ประเทศสมาชิกต้องเข้าร่วมอนุสัญญาพันธุ์พืชใหม่ (upov) อันเป็นการเปิดโอกาส ให้ต่างชาติสามารถนำพันธุ์พืชพื้นเมืองในประเทศออกไปทำการวิจัยสร้างพันธุ์พืชใหม่เพื่อนำไปจดสิทธิบัตร อาจจะส่งผลทำให้เกษตรกรจะไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์พืช ไปเพาะปลูกต่อได้ ที่สำคัญ คือ เรื่องกลไกระงับข้อพิพาท ระหว่างนักลงทุนชาวต่างชาติกับรัฐบาลไทยเปิดช่องให้นักลงทุนที่ซื้อหุ้นสามารถฟ้องรัฐบาลไทย ผ่านกระบวนการอนุญาโตตุลาการได้ ทั้งๆที่ไม่ได้รับการคุ้มครองที่เป็นลายลักษณ์อักษร ที่อาจจะเกิดผลกระทบต่อนโยบายป้องกันผลประโยชน์สาธารณะ
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องได้รับความคิดเห็นรอบด้านก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติที่จะดำเนินการทางใดทางหนึ่ง ซึ่งถือเป็นประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน หรือความมั่นคงของประเทศในทางเศรษฐกิจอันกระทบกระเทือนต่อเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง ผมจึงเห็นว่าหากคณะรัฐมนตรีจะชะลอการตัดสินใจออกไปก่อน และรอให้สภาฯได้ตั้งกรรมาธิการเพื่อศึกษาเรื่องนี้อย่างครบถ้วน รอบด้าน จะเป็นผลดีต่อประเทศและประชาชนที่สุด