นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถึงเสียงเรียกร้องจากทั้งฝ่ายการเมืองและนักธุรกิจไทยให้คลายล็อก ว่า เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อมีจำนวนน้อย หลายจังหวัดไม่มีผู้ติดเชื้อติดต่อกันหลายวันและเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างมากจากการล็อกดาวน์ คาดการณ์ว่าจะมีคนตกงานนับล้าน อาจมีกิจการต้องปิดตัวลงเพิ่มขึ้น ตนจึงเห็นว่าแม้รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อการบริหารงานและการตัดสินใจทางการเมืองของตนก็ตาม แต่ปัญหาเศรษฐกิจครั้งนี้สาหัสและกว้างขวางกระทบคนทั้งประเทศ

ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่า ในการจัดการการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด- 19 อาจใช้อำนาจตามกฎหมายทำให้เกิดระยะห่างทางกายภาพเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดได้ เช่นการปิดกิจการ ปิดโรงเรียน ห้ามเข้าประเทศ แต่ความท้าทายของรัฐบาลต่อไปนี้คือการจัดการกับเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ นายนพดล กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่ารัฐบาลตระหนักถึงความซับซ้อนของเศรษฐกิจแค่ไหน โดยการคลายล็อกช้าก็ย่อมทำให้แผลเศรษฐกิจบาดลึกมากขึ้น และมีผลโพลที่ประชาชนต้องการให้ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน รัฐบาลควรรับฟังและต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการคุมตัวเลขการติดเชื้อกับการคืนความเป็นปกติสุขให้ประชาชน ซึ่งต้องรับผลจากการตัดสินใจ ทั้งทางบวกและลบ แต่ในทางเศรษฐกิจนั้นคนที่ต้องรับผลจากการตัดสินใจของรัฐบาลคือภาคธุรกิจและคนไทยทั้งประเทศ เวลานี้ประชาชนรอการบริหารงานด้วยความสามารถและการตัดสินใจที่เฉียบคม รวดเร็วและถูกเวลา