ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีการหารือ กับนายนายอี อุก-ฮ็อน (Mr. Lee Wook-heon) เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย พร้อมเปิดเผยว่า ทางเกาหลีใต้ได้หารือถึงแนวทางการผ่อนปรนให้นักธุรกิจ และภาคเอกชนของเกาหลีใต้ เดินทางมาเจรจาธุรกิจในไทย จะต้องมีการหารือกับกระทรวงการต่างประเทศถึงความเป็นได้ ในการเดินทางเข้ามา ซึ่งจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสาธารณสุข และ ศบค.จะเป็นผู้พิจารณา
ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เกาหลีได้ขอให้ไทยผ่อนปรนการเดินทางให้กับนักธุรกิจและภาคเอกชนเข้าประเทศ เหมือนกับที่เกาหลีใต้ ผ่อนปรนให้ จีน ฮังการี และ เวียดนาม โดยมีการตรวจร่างกาย กักตัวตรวจดูอาการถึง 2 ครั้ง ก่อนที่จะให้เดินทางเข้าประเทศ ซึ่งการกักตัวอาจไม่ถึง 14 วัน อีกทั้งสถานการณ์โควิด-19 ในไทย และเกาหลีใต้ เริ่มที่จะมีการผ่อนคลายบ้าง เพราะแต่ละประเทศประสบปัญหาโควิด-19 แต่ปัญหาใหญ่คือเรื่องเศรษฐกิจ ที่จะต้องขับเคลื่อนเพื่อให้มีการเดินทาง ค้าขาย และ ลงทุน นอกจากนี้ยังขอให้ไทยปลดรายชื่อประเทศเกาหลีใต้ออกจากประเทศเขตโรคติดต่ออันตราย พร้อมกันนี้ยังมีประเทศอื่นที่สนใจและติดต่อขอให้ไทยผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศ เช่น ฮ่องกง ที่มีความเป็นไปได้เพราะควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้บ้างแล้ว เช่นเดียวกับประเทศที่บริหารจัดการโควิด- 19 ได้ดี จนมีหลายประเทศติดต่อเข้ามา ส่วนธุรกิจภาคท่องเที่ยวยังไม่สามารถที่จะเปิดได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้เวลา และหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ
ทั้งนี้เรื่องเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศไทย นายกอบศักดิ์ ยอมรับว่าหนัก ทั้งเรื่องส่งออกและการท่องเที่ยว จึงขอให้ทำใจ ดังนั้นรัฐบาลจึงได้อนุมัติงบจ้างงานลงในพื้นที่ 4 แสนล้านบาท จาก พ.ร.ก.เงินกู้ ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่ตกงาน และเดินทางกลับภูมิลำเนาตนเอง