ซึ่งการอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในครั้งนี้จะมีผลให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาการซึ่งเป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการขุดเจาะและการใช้สลิงสำหรับขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเงิน และระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ (Block chain) องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์แบบปราศจากใยหินองค์ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางด้านรังสี และการเดินเครื่องฉายรังสี
ซึ่งแบ่งเป็น ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม จำนวน 6 ราย ธุรกิจนายหน้า ค้าปลีก ค้าส่ง จำนวน 9 ราย คู่สัญญากับเอกชน จำนวน 6 ราย คู่สัญญาช่วงภาครัฐ จำนวน 1 ราย และ ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 4 ราย
โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีคนต่างด้าวได้รับใบอนุญาต จำนวน 92 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 3,328 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่า จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้น 23 ราย คิดเป็นร้อยละ 33 โดยมีต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจ อาทิ บริการขุดเจาะปิโตรเลียม บริการขุดลอกบำรุงรักษาร่องน้ำและแอ่งจอดเรือที่บริเวณท่าเทียบเรือ บริการออกแบบ จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ ก่อสร้าง ติดตั้ง และทดสอบโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม บริการจัดหา ติดตั้ง ตรวจสอบ และทดสอบอุปกรณ์โทรคมนาคม