หน้าแรกการเมืองนายกฯห่วงเศรษฐกิจไทยแย่ มอบนโยบายผ่อนปรน 4 ระยะ

นายกฯห่วงเศรษฐกิจไทยแย่ มอบนโยบายผ่อนปรน 4 ระยะ

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงรัฐมนตรีต่างๆเข้าร่วมประชุม โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณการทำงานที่ผ่านมารอบ 1 เดือน ซึ่งได้รับคำชมจากต่างประเทศ เพราะเป็นความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนเพื่อต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 โดยนายกรัฐมนตรีมีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจและได้มอบเป็นนโยบายกำหนดระยะการผ่อนปรน เป็น 4 ระยะ คือระยะที่1 25% ระยะที่2 50% ระยะที่3 75% และ ระยะที่4 100 % ซึ่งจะต้องดูเป็นระยะและทบทวนทุก 14 วัน ให้มีการประเมิณการควบคุมโรค ซึ่งถ้าได้ผลจะยืดออกไป เพราะไม่อยากให้เกิดการระบาดระลอกที่ 2

การรายงานจากปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้แสดงให้เห็นถึงกรณีหากมีการระบาดของเชื้อเกิดขึ้น พบ 3 กรณี คือหากควบคุมได้ดีจะเกิดผู้ติดเชื้อ 15-30 คนต่อวัน สถานการณ์พอควบคุมได้แต่มีความเสี่ยงอาจมีการติดเชื้อ 40-70 รายต่อวัน ซี่งหากเปิดหมดและคุมไม่อยู่จะพบว่ามีผู้ป่วย 500-2,000 คนต่อวัน

ด้านการประเมิณผลการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นผลให้มีผู้ป่วยลดน้อยลง และมีผลการสำรวจประชาชน 4 หมื่นคนพบ 70% เห็นด้วยกับการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ประชุมจึงมีมติให้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่ออีก 1 เดือน โดยต้องใช้ 4 มาตราการ คือ ควบคุมการเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร , ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานเวลา 22:00-04:00 น. ,งดและชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด และ งดการดำเนินกิจกรรมในคนหมู่มาก

โดยแนวทางการผ่อนปรนมาตรการต้องคำนึงถึงปัจจัยของกระทรวงสาธารณสุขและยังคงต้องมีมาตราการทำงานที่บ้านต่อ ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอด เว้นระยะห่าง มีการวัดอุณหภูมิ มีการล้างมือและมีเจลแอลกอฮอล์ รวมถึงการมีแอพพลิเคชั่นติดตามตัว โดยจะมีการเร่งรัดการตรวจหาเชื้อเพิ่มในกลุ่มเสี่ยง

ทั้งนี้ กรณีมีกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจจำหน่ายสุราขอเงื่อนไขการขายแบบเดลิเวอรี่ จำกัดช่วงเวลา 14:00-17:00 น. นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่าในที่ประชุมไม่ได้มีการหารือในประเด็นดังกล่าวต้องให้กลุ่มที่ปรึกษาไปหารือกันมา ซึ่งหากมีปัญหาอะไรผ่านทางสมาคมมาก่อน

โดยมีรายงานว่าที่ประชุม ศบค. จะมีการผ่อนปรนมาตราการมีการอนุญาตให้เปิดร้านอาหาร ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า และร้านเสริมสวยในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม ที่จะมีการออกเป็นข้อปฏิบัติ ทั้งนี้จะมีกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการดูแล และจะมีการประเมิณสถานการณ์ทุก 14 วัน

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img