จากกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธาน ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบปมทุจริตโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยหน้าแล้งโดยการขุดลอกแควหนุมานในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งดำเนินงานในรูปแบบของมาตรการ“ขุดดินแลกน้ำ”หรือการว่าจ้างผู้รับเหมาขุดลอกคูคลองโดยการใช้ดินหรือทรายที่ขุดลอกเป็นค่าตอบแทน หลังพบว่าระหว่างเตรียมการจะดำเนินโครงการดังกล่าวได้มีบุคคลจำนวน 2 คน ( นายสุเทพ ภานุวิสิทธิ์แสง และร.อ.อำนาจ ไทยด้วง) มาแอบอ้างตัวว่าเป็นคนสนิทและเป็นคณะติดตามของนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ก่อนจะขอเรียกรับเงินส่วนต่างจากผู้รับเหมาขุดทราย 50% หรือเกือบ 4 ล้าน เพื่อนำไปแบ่งจ่ายหัวหน้าหน่วยราชการ แลกอำนวยความสะดวกขุดลอกดังกล่าว ตามที่เคยมีการนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าวล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วยนายจำรัส ง้อบุตร สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดปราจีนบุรี เดินทางเข้า พ.ต.ท.วิทวัส สายอ๋อง สว.สอบสวน กก.2 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีบุคคลจำนวน 2 คน (นายสุเทพ ภานุวิสุทธิแสง และว่าที่ ร.อ.อำนาจ ไทยด้วง) ที่แอบอ้างตัวว่าเป็นคนสนิทและเป็นคณะติดตามของนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ดังกล่าวในข้อหาเรียกรับสินบน โดยมีหลักฐานเป็นคลิปเสียงสนทนาและภาพถ่ายต่างๆเกี่ยวกับการทุจริตโครงการดังกล่าว มามอบให้กับพนักงานสอบสวน
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ภายหลังจากที่มีการเปิดโปงเรื่องดังกล่าวขึ้นมานั้น ทาง นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เองก็ได้ส่งข้อความมาหาตนเอง และยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลทั้งสองคนดังกล่าวแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่าได้พร้อมมอบหมายให้ทนายความพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีกับทั้งสองคนและสั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลไปยังข้าราชการที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวไปแล้ว และเพื่อให้เรื่องราวดังกล่าวกระจ่างชัดตนเองและนายจำรัส จึงได้มาเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบในวันนี้เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบและดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสองในข้อหาเรียกรับสินบน เพราะเรามีหลักฐานฐานค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าทั้งสองคนได้กระทำความผิดจริง
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำเพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานต่างๆที่นำมามอบให้ก่อนรวบรวมเรื่องราวส่งต่อให้กับทางผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป