ส่วน กรณีเงินเยียวยา 5,000 บาท วิเคราะห์ผู้มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือโดยเอไอ ไม่มีใครมั่นใจหรือรู้ว่าเอไอนั้นเขียนข้อมูลอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรเปิดเผย แต่ สิ่งสำคัญคือถ้าใช้เอไอแบบนี้แล้วต้องใช้เวลากว่า 10 วัน ประชาชนถึงจะได้เงินซึ่งถือว่าให้ความสำคัญผิดมากๆ เพราะประชาชนขณะนี้ไม่มีอันจะกินแล้ว และถ้าปล่อยอย่างนี้ไปอีก 2-3 อาทิตย์ คนเหล่านี้ต้องตายแน่ ดังนั้น คนเหล่านี้จึงพร้อมที่จะยอมออกไปค้าขายปกติ แม้จะเสี่ยงกับการติดไวรัส ดีกว่าจะอยู่แล้วอดตายอย่างนี้เพราะไม่ได้รับการเยียวยา
อย่างไรก็ตาม เรื่องไวรัสโควิด-19 แน่นอนว่าแพร่ระบาดไม่เลือกชนชั้น ส่งผลกับคนแต่ละชนชั้นแตกต่างกันไป คนที่มีบ้าน การกักบริเวณไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่คนที่อยู่ในห้อง 3-5 ตารางเมตร การลดค่าไฟเพียง 3 % ไม่ช่วยอะไรเลย และยังต้องใช้ไฟเพิ่มขึ้น อีกทั้งขายของไม่ได้ ไม่มีรายได้ และถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็คงไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ โดนตัดน้ำตัดไฟ วุ่นวายแน่นอน
นายธนาธร กล่าวถึงแนวทางที่รัฐบาลจะสามารถทำได้เพื่อช่วยเหลือประชาชนและพยุงเศรษฐกิจ ว่า รัฐบาลมีทางเลือก 2 ทาง เกี่ยวกับการช่วยเหลือ คือ มาตรการ เซมิ-ล็อกดาวน์ หรือมาตราการเช่นทุกวันนี้ ต่อไป จำเป็นต้องเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยอัดเม็ดเงินเข้าไป
ในระบบเพื่อช่วยพยุงซึ่งจะใช้น้อยกว่าการปล่อยพังแล้วอัดเข้าไป เพราะการจะดึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนกลับมาอีกครั้งยากมาก ดังนั้น ต้องยอมเสียเงินพยุงดีกว่าปล่อยให้พัง และอีกทางเลือก คือคลาย-ล็อก-คลาย-ล็อก สลับกันไป ถ้าคลาย กราฟผู้ป่วย คนตายอาจจะ เพิ่มขึ้น จึงต้องล็อกซึ่งในช่วงล็อกนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อมประเทศ ด้านสาธารณสุข เรื่องดูแล คนเข้ามาเมือง การสอบทานคนติดเชื้อ ซึ่งต้องทำ เพื่อให้การคลายครั้งต่อไปจะมีทุกอย่างพร้อมรับมือดูแลได้
สำหรับคำแนะนำผู้ประกอบธุรกิจ มองว่าต้นทุนคงที่ ควรคิดไว้ 6 เดือน ซึ่งไม่ว่ารัฐบาลจะเลือกปฏิบัติแนวทางไหน ก็อาจต้องมองต้นทุน 6 เดือนนี้ ซึ่งในไตรมาสที่ 4 อาจจะกลับมาได้ แต่ถ้ายังใช้เซมิ-ล็อกดาวน์ แบบนี้ แล้วไม่มีเยียวยา หรือยังเป็นการเยียวยาแบบที่เป็นอยู่ เชื่อว่าตายทั้งประเทศ การช่วยเหลือเยียวยาตอนนี้ ต้องดึงสวัสดิการทุกก้อนร่วมกัน แล้วจ่ายออกไปแบบเดียวกัน ถ้วนหน้า เพราะวันนี้เอไอไม่อาจพิสูจน์ว่าใครควรได้รับ เกิดการแข่งขันกันจน เปลี่ยนจากพลเมืองกลายเป็นผู้สงเคราะห์จากรัฐ ดังนั้น ต้องจัดสรรงบประมาณใหม่ และต้องคิดทั้งระบบแยกส่วนไม่ได้ สวัสดิการถ้วนหน้านี้อาจไม่จำเป็นต้องถึง 5,000 บาท เพื่อเป็นการลดภาระของรัฐ แต่ต้องกระจายรายหัวให้ได้มากขึ้น