ทั้งนี้ ในปัจจุบัน กองกำลังชายแดนของกองทัพบกได้จัดชุดคัดกรองสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุข ณ จุดผ่านแดนทางบก จำนวน 15 จุดทั่วประเทศ
ทบ.เตรียมพร้อมสถานที่รองรับผู้เดินทางกลับจากมัลดีฟ
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเร้นซ์กับผู้บังคับหน่วยทั่วประเทศ โดยกล่าวถึงความคืบหน้าในการดูแลสถานที่ควบคุมแห่งรัฐที่กองทัพบกได้รับมอบหมายให้จัดตั้งทั้ง 3 แห่ง คือ โรงแรมเดอะภัทรา, โรงแรมแอมบาสเดอร์ กทม. และ โรงแรมแอมบาสเดอร์ ชลบุรีนั้น ขณะนี้ทั้ง 2 สถานที่แรก มีผู้เข้ารับการสังเกตอาการจำนวน 496 คน ส่วนที่ โรงแรมแอมบาสเดอร์ ชลบุรี ได้มีการเตรียมสถานที่และซักซ้อมการปฏิบัติพร้อมที่จะรับผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศชุดแรก (มัลดีฟ) เข้าพักพิงในบ่ายวันนี้ จำนวน 82 คน โดยมีชุดคัดกรองและรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลค่ายนวมินทราชินี และ ชุดรักษาความปลอดภัยจากมณฑลทหารบกที่ 14 รับผิดชอบ
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้ชื่นชมหน่วยทหารที่ใช้ศักยภาพและนำยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่ออกมาช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ในหลายลักษณะ อาทิ การนำรถครัวสนามประกอบอาหารปรุงสดแจกจ่ายให้ประชาชน โดยมีภาคส่วนต่างๆ ร่วมให้การสนับสนุน, การประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนจัดทำถุงยังชีพไปมอบให้ประชาชน และที่สำคัญ คือ ขอให้หน่วยทหารได้น้อมนำแนวทางพระราชทานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการนำพืชผักและผลิตผลจากโครงการทหารพันธุ์ดีที่หน่วยดำเนินการอยู่ ออกจำหน่ายให้กับประชาชน ในราคาย่อมเยาว์ เป็นการแสดงความมีน้ำใจ แบ่งปันในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ขอให้หน่วยทหารช่วยดูแลประชาชน ป้องกันไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่ม รวมถึงขอให้กำลังใจทุกคน ให้อดทน เคร่งครัดปฏิบัติตนตามมาตรการลดการติดเชื้อของภาครัฐ เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
ทบ. เตรียมเสนอรบ.พิจารณาดูและสิทธิกำลังพล
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นซ์กับผู้บังคับหน่วยทั่วประเทศ โดยได้กล่าวถึงศักยภาพด้านการแพทย์ของกองทัพบก ในการสนับสนุนรัฐบาล และดูแลประชาชน และกำลังทหารในสถานการณ์ COVID-19 โดยเฉพาะบุคคลากรทางด้านการแพทย์ของกรมแพทย์ทหารบก ที่สามารถบริหารจัดการตามแนวทางของศูนย์ COVID-19 รัฐบาล ทั้งด้านการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลและการดูแลสถานที่ควบคุมแห่งรัฐทั้ง 3 แห่ง ที่กองทัพบกรับผิดชอบ รวมถึงการเตรียมความพร้อมโรงพยาบาลสนามได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ กองทัพบก จะได้เสนอขอให้กระทรวงกลาโหมและรัฐบาล พิจารณาการดูแลสิทธิกำลังพลและสวัสดิการเพิ่มเติมให้กับบุคคลากรทางการแพทย์เหล่านี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และความก้าวหน้าในวิชาชีพ
อย่างไรก็ตาม การเตรียมกำลังบุคคลากรทางด้านการแพทย์ ยังคงมีความจำเป็น จึงสั่งการให้มีการจัดประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติให้กับกำลังพลเหล่าแพทย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติงานอยู่ในโรงพยาบาล ที่กองทัพบกได้จัดทำบัญชีรายชื่อไว้แล้ว ให้พร้อมเป็นกำลังเสริมและช่วยแบ่งเบาภาระของบุคค