นายพันธ์ยศ กล่าวว่า ตนมีความตั้งใจที่จะสร้างความตื่นตัวในเรื่องของการป้องกันตนเองของประชาชนคนไทยอย่างถูกต้อง เพราะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ ตนถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องแสดงออกถึงความรับผิดชอบซึ่งก็สามารถทำได้ตามกำลังที่มีอยู่
โดยเเนวทางที่รัฐ ชุมชน และอสม.ดำเนินการคุมบุคคลที่เข้ามาในพื้นที่ 14 วันนั้นเป็นสิ่งดี เเต่ขอเสนอ SHUT OFF COVID-19 ซึ่งเป็นอีกเเนวทางเพิ่มเติมเพื่อคุมเข้มไม่ให้มีการระบาดเเละเเพร่เชื้อเพิ่ม คือคนในครอบครัวต้องเข้มงวดการเข้าออกพื้นที่ต่างๆทุกกรณี, ครอบครัวเเละชุมชนต้องไม่ปิดกั้นข้อมูลความจริงซึ่งกันเเละกัน หากพบความสุ่มเสี่ยงก็ใช้การ Shut Off ทันทีเเละประสานภาครัฐให้เข้ามาเเก้ไขโดยเร็วรวมทั้งสร้างความเข้าใจว่าหากใครเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงก็ไม่ควรรังเกียจเพราะรักษาได้หากทราบเเต่เนิ่นๆ ควรร่วมกันดูเเลไม่ให้เชื้อกระจายไปพื้นที่อื่น ตรงนี้เป็นเเนวทางหนึ่งที่จะช่วยคุมการระบาดของโรคนี้
นายพันธ์ยศ กล่าวอีกว่า ตนยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านศูนย์บริการประชาชนไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาใจความว่า จากการที่ตนได้สำรวจประชาชนในพื้นที่ของตนเพื่อศึกษาและทำความเข้าใจให้ ความรู้กับประชาชน จากการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ สังเกตได้ว่าประชาชนในพื้นที่ ที่อยู่อาศัยตามบ้านหรือออกไปทาภารกิจนอกบ้านก็ตาม ยังไม่มีความเข้าใจ ในด้านการป้องกันการติดเชื้อไวรัส Covid 19 มากเท่าที่ควรหรือแม้ว่าจะเข้าใจแล้ว ก็ตามก็ยังไม่ตื่นตัวที่จะป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ
ตนจึงใคร่ขอนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่ผมให้ความเคารพได้โปรดช่วยเสนอแนวทางในการแก้ไขกฎหมายให้ผ่อนปรนความเข้มงวดของ มาตรการตามกฎหมายที่ให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 หรือให้ยกเลิกกฎหมายฉบับดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าถึงอุปกรณ์ที่มีไว้ป้องกันตนเองจากการติดเชื้อเพื่อลดการแพรระบาดและอัตราการเสียชีวิตของประชาชนคนไทยที่กาลังมีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเราทุกคนควรจะต้องช่วยกันแก้ปัญหามากกว่าการที่ให้เจ้าหน้าที่มาปฏิบัติการ จับผู้ที่กระทำความผิดในการซื้อขายหน้ากากอนามัยเกินกว่าราคาที่กฎหมายกำหนดซึ่งจะยิ่งทำให้การเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันตนเองยากมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเพราะไม่มีใครกล้าซื้อหรือจะขายหรือแม้แต่จะซื้อมาเพื่อการบริจาคก็ไม่สามารถหาซื้อได้ง่ายๆ
ทั้งนี้ นายพันธ์ยศ กล่าวอีกว่า ตนยังได้เดินสายแจกหน้ากากอนามัยฟรีให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เพราะเห็นได้ว่าหน้ากากอนามัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการปกป้องตนเองจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ COVID-19 รวมไปถึงการจัดหาอุปกรณ์ที่มีไว้สำหรับป้องกันการติดเชื้อให้กับแพทย์พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ตามโรงพยาบาลต่างๆ เช่น โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลมหาชัย, โรงพยาบาลนครปฐม, โรงพยาบาลบางเลน, โรงพยาบาลพุทธมณฑล, โรงพยาบาลโพธาราม รวมไปถึงหน่วยงานต่างๆที่มีการร้องขอมาทั้งภาครัฐและเอกชน อีกทั้งยังมีการจัดส่งหน้ากากอนามัยไปให้ผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้แต่ขาดแคลน รวมทั้งย้ำให้คุมคนในครอบครัวตามเเนวทาง Shut Off Covid-19 ที่ตนเสนอไปด้วยโดยประชาชนพร้อมร่วมดำเนินการตามเเนวทางที่ตนเสนอเเนะ