โดย นายอนุทิน เปิดเผยว่า เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของของโรคโควิด-19 ให้ได้ช้าที่สุด กระทรวงสาธารณสุข จึงขอเน้นย้ำมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม(Social Distancing) ซึ่งมีข้อปฏิบัติ ประกอบด้วย มีการเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร, หลีกเลี่ยงการสัมผัสทางกายภาพ, หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้าน และทำงานที่บ้าน ประกอบกับ รัฐบาลได้ออกมาตรการที่ปิดสถานประกอบการ และให้ร้านอาหาร ให้บริการแบบซื้อกลับบ้านแทน ส่งผลให้การส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการต้องใส่ใจตั้งแต่การคัดเลือกซื้อวัตถุดิบจากตลาดสดที่ได้มาตรฐานหรือมีป้ายรองรับตลาดสดน่าซื้อของกรมอนามัย ต้องปรุงสุกใหม่ บรรจุอาหารในภาชนะที่เหมาะสม ไม่ใช้โฟม ปกปิดมิดชิดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนระหว่างขนส่ง ติดฉลากที่ระบุชื่อร้านอาหารวัน/เดือน/ปี/เวลาที่ผลิต ระยะเวลาและอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเก็บรักษาอาหาร จัดสถานที่ให้เพียงพอกับจำนวนคนส่งอาหารโดยจัดระยะห่าง 1 เมตร และมีการระบายอากาศที่เหมาะสม ส่วนคนส่งอาหารต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการไอจาม ปนเปื้อนลงไปในอาหารและได้รับเชื้อโรคระหว่างให้บริการ หมั่นล้างมือด้วยสบู่ น้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ตั้งแต่ก่อนเข้าร้านอาหารและหลังการส่งอาหาร ส่วนผู้บริโภคเมื่อได้รับอาหารแล้ว ควรตรวจสอบคุณภาพอาหาร ความสะอาด สภาพอาหารต้องไม่มีกลิ่นบูดเสีย บรรจุในภาชนะที่เหมาะสม
สำหรับการใช้แพลตฟอร์ม Clean Together พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้จัดแพลตฟอร์มเพื่อ2กลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มผู้ประกอบการสามารถเข้าไปประเมินสถานประกอบของตนเองว่าได้ปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันโควิด-19 ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ หากทำได้ครบตามข้อกำหนดจะสามารถปักหมุดว่าเป็นสถานประกอบการที่มีมาตรการในการป้องกันโควิด-19 ไว้ในแพลตฟอร์ม ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบพิกัดโรงแรม ร้านค้า หรือรถขนส่งสาธารณะได้