ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงข่ าววานนี้ (24 มีนาคม 2563) เรื่อง คณะรัฐมนตรีมีมติจะประกาศใช้ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุ กเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อยกระดับการป้องกันการแพร่ ระบาดของไวรัส COVID-19 นั้น
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ขอเรียนว่า ธนาคารสมาชิกและสถาบันการเงินทุ กแห่งมีความพร้อมในการดำเนิ นการรองรับภาวะฉุกเฉิน เพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan) เพื่อให้ลูกค้าและประชาชนทั่ วไปสามารถใช้บริการทางการเงินที่ สำคัญ อาทิ การรับฝากเงิน การถอนเงิน การโอนเงิน การชำระเงิน และบริการสินเชื่อต่างๆ ที่จะช่วยเหลือลูกค้าเพื่อเสริ มสภาพคล่อง มาตรการช่วยเหลือต่างๆ ทั้งในส่วนของลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ดังที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ แล้ว รวมถึงมาตรการล่าสุดที่ได้ ประกาศวานนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยจะประชาสัมพันธ์ในรายละเอี ยดต่อไป
การใช้บริการสามารถดำเนินการผ่ านช่องทางในรูปแบบต่างๆ ทั้งในส่วนของสาขา และหน่วยงานสินเชื่อธุรกิจ ที่จะเปิดบริการให้ได้มากที่สุด รวมถึงช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งที่เป็น เครื่องถอนและรับฝากเงินอัตโนมั ติ (ATM และ CDM) อินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง โมบายแบงก์กิ้ง ธนาคารทางโทรศัพท์ และ Call Center ที่พร้อมให้บริการได้อย่างต่ อเนื่อง ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนหมั่ นตรวจสอบข้อมูลทางการเงิ นของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และระมัดระวังการแอบอ้างเพื่ อหลอกลวงข้อมูลส่วนบุคคลและข้ อมูลทางด้านการเงิน เช่น อีเมล รหัสผ่าน สำหรับการทำธุรกรรมทางการเงิน
ธนาคารมีความห่วงใยในสุ ขภาพอนามัย ความปลอดภัย และสวัสดิภาพของลูกค้าผู้ใช้บริ การ และพนักงาน โดยเน้นให้มีการดำเนิ นการตามมาตรฐานด้านสุขอนามั ยของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่ งครัด อาทิ การเพิ่มความถี่ ในการทำความสะอาดสาขา การจัดพื้นที่ภายในสาขาให้ลูกค้ ามีระยะห่างไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร ขณะรอรับบริการ (Social Distancing)
ในช่วงที่สถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ จะร่วมกันดูแลให้ ประชาชนสามารถได้รับบริ การทางการเงิน และได้รับความช่วยเหลื อจากมาตรการของรัฐในรูปแบบต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนิ นชีวิต และการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ ลูกค้าและประชาชนทุกท่านมีส่ วนสำคัญในการช่วยกันคัดกรองข้ อมูลข่าวสารที่ได้รับ โดยเฉพาะจากช่องทางโซเชียลมีเดี ย และระมัดระวังในการส่งต่อข้อมู ลที่ไม่เป็นความจริง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความตื่ นตระหนก และสร้างความเข้าใจผิดที่อาจเกิ ดขึ้นได้ หากมีข้อสงสั ยประการใดสามารถสอบถามข้อมูลข่ าวสารและรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ Call center หรือ เว็บไซด์ ของธนาคารทุกแห่ง (https://www.bot.or.th/Thai/ FinancialInstitutions/PruReg_ HB/Pages/CallCenter.aspx ) และธนาคารแห่งประเทศไทย