โดยเดือนมกราคม 2563 อนุมัติ LG จำนวน 14,465 ฉบับ วงเงินอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อกว่า 8,129 ล้านบาท เดือนกุมภาพันธ์ อนุมัติ LG จำนวน 21,946 ฉบับ วงเงินอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อกว่า 10,547 ล้านบาท และ เดือนมีนาคม (1-16 มี.ค.) อนุมัติ LG จำนวน 6,586 ฉบับ วงเงินอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อกว่า 5,896 ล้านบาท ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อไมโคร และ โครงการ Portfolio Guarantee Scheme หรือ PGS
นอกจากนี้ บสย. ยังได้ดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. SMEs สร้างไทย ต่อเติม เสริมทุน” สำหรับลูกค้า บสย.ปัจจุบัน และลูกค้าใหม่ ร่วมกับธนาคารพันธมิตร เพื่อลดภาระผู้ประกอบการ โดยค้ำประกันเต็มจำนวนเงินกู้ใหม่ วงเงินค้ำประกันสูงสุดต่อรายไม่เกิน 30 ล้านบาท อายุโครงการ 10 ปี ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปีแรก วงเงินค้ำประกันสินเชื่อรวม 60,000 ล้านบาท
โดยฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ 2 ปี วงเงินค้ำประกันสูงสุดต่อรายไม่เกิน 30 ล้านบาท อายุโครงการ 10 ปี โดยมีวงเงินค้ำประกันสินเชื่อรวม 60,000 ล้านบาท
อีกทั้งยังมีมาตรการที่ช่วยลดภาระผู้ประกอบการ SMEs ได้แก่ 1. การขยายเวลาค้ำประกันสินเชื่อ กลุ่มลูกค้าเดิมของ บสย. ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme (PGS) ระยะ 5-7 โดยการขยายระยะเวลาค้ำประกันสินเชื่อ ออกไปอีก 5 ปี และยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำฯ 2.พักชำระค่าธรรมเนียม สูงสุด 12 เดือน และการให้คำปรึกษาโดย หมอหนี้ บสย. ผ่าน Call Center 02-890-9999 และ Line หมอหนี้ บสย. @doctor.tcg
อย่างไรก็ตาม บสย. สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ธนาคารพาณิชย์ และหน่วยงานพันธมิตร ได้ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อหามาตรการร่วมกันช่วยผู้ประกอบการกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบทั้งในภาคธุรกิจท่องเที่ยว ภาคการเกษตร และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายและแผนงาน ปี 2563 เป้าค้ำประกันสินเชื่อ 100,500 ล้านบาท อนุมัติ LG 112,921 ฉบับ และช่วยผู้ประกอบการรายใหม่ 83,562 ราย