ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “ในวันนี้กรมสรรพากรร่วมกั บสถาบันการเงิน 20 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้ าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมแห่ งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุ ตสาหกรรมขนาดย่อม ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้ วยการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้จัดทำบัญชีชุดเดี ยวและงบการเงินให้ถูกต้ องและสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริ งของกิจการ ซึ่งเป็นโครงการการต่อเนื่ องจากมาตรการ SMEs บัญชีชุดเดียวและเป็นการยกระดั บความร่วมมือครั้งสำคัญของหน่ วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่จัดทำงบการเงินที่ถูกต้ องสะท้อนผลการดำเนินงานของกิ จการให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ง่ายขึ้นในการเข้าถึงแหล่งเงิ นทุน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่ งขันทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการ SMEs”
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุ ตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า “การลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ บสย. มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการสามารถเข้าถึ งสินเชื่อได้ง่ายขึ้น นำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อการพั ฒนาเศรษฐกิจอย่างมั่นคง และยั่งยืน ภายใต้ความร่วมมือระหว่ างกรมสรรพากร ธนาคาร และ บสย. จะร่วมกันเป็นกลไกขับเคลื่ อนเศรษฐกิจและร่วมกันส่งเสริ มสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ตระหนักโดยให้ความสำคัญกั บการดำเนินธุรกิจสมัยใหม่ โดยการจัดทำบัญชีและงบการเงิ นให้ถูกต้องสอดคล้องกับสภาพที่ แท้จริงของกิจการ ซึ่งในส่วนของ บสย. จะให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่ วมโครงการกับกรมสรรพากร ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ ยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันสิ นเชื่อ 2 ปี และยกเว้นค่าธรรมเนียมการจั ดการตลอดปี 2563 ภายใต้เงื่อนไขที่ บสย. กำหนด สำหรับผู้ที่ขอสินเชื่ อจากธนาคารพันธมิตรทุกแห่ง เพื่อเป็นแรงจูงใจและของขวัญให้ กับกลุ่ม SMEs ที่เข้าร่วมโครงการครั้งนี้”
นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผู้ประกอบการ SMEs ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่ อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยตัวเลขประมาณการ GDP ของ SMEs ปี 2562 เติบโตร้อยละ 3.5 ซึ่งมากกว่า GDP ของประเทศที่เติบโตร้อยละ 2.5 แต่ธุรกิจ SMEs เองกลับติดหล่ม ไม่สามารถเติบโตได้อย่างที่ ควรจะเป็น โดยสาเหตุหนึ่งมาจากการมี งบการเงินหลายเล่ม หรือมีหลายบัญชี จึงไม่สามารถนำงบการเงินมาวิ เคราะห์สภาพคล่องและรู้ ผลการดำเนินงานที่แท้จริงของธุ รกิจได้ และยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก เนื่องจากงบการเงินที่ นำมาแสดงไม่สามารถสะท้อนศักยภาพ ของธุรกิจ จึงส่งผลต่อการพิจารณาสินเชื่ อของสถาบันการเงิน สมาคมธนาคารไทยต้องการสนับสนุ นให้ผู้ประกอบการ SMEs มีความเข้าใจ ตระหนักถึงความสำคัญ และหันมาทำบัญชีเพียงเล่มเดียว จึงร่วมมือกั บกรมสรรพากรและสถาบันการเงินทั้ ง 20 แห่ง เสนอสินเชื่อดอกเบี้ยอัตราพิเศษ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถติดต่อขอสิ นเชื่อกับธนาคารที่สะดวกได้ตั้ งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563”
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวสรุปว่า “การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs จัดทำบัญชีชุดเดียวและงบการเงิ นให้ถูกต้องและสอดคล้องกั บสภาพที่แท้จริงของกิจการให้ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ ายขึ้น จะมีส่วนสำคัญในการยกระดับศั กยภาพในการแข่งขันของผู้ ประกอบการ SMEs ไทย ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่ อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่ งยืนต่อไป”