ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงประเด็นที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ระบุถึงการขยายเวลาบังคับใช้ร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ออกไป 90 วัน ภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้พรรคการเมืองมีเวลาในการทำไพรมารี่โหวตและเตรียมพร้อมก่อนการเลือกตั้งว่า ส่วนตัวเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการจัดไพรมารี่โหวตได้ โดยไม่จำเป็นต้องขยายเวลา อีกทั้งทางพรรคก็ไม่เคยร้องขอ จึงไม่เป็นการสมเหตุผลที่จะนำประเด็นดังกล่าวมาเลื่อนการเลือกตั้งออกไป มองว่าการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดในขณะนี้คือการแก้ไขคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และคำสั่งคสช. ที่ 53/2560 ที่มีการแก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง เพื่อทำให้บรรยากาศเกิดการผ่อนคลายและสามารถทำกิจกรรมได้อย่างอิสระ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การที่นายพรเพชรมาระบุว่า หากการขยายเวลา 90 วัน ไม่มีความจำเป็น พรรคการเมืองก็สามารถร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้นั้น เห็นว่าเป็นเรื่องของข้อกฎหมายที่ สนช. และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ในฐานะผู้ร่างกฎหมายต้องพิจารณาในชั้นกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ขณะเดียวกัน การเพิ่มภาระขั้นตอนในเรื่องการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกพรรค ก็ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.2562 เพราะแม้แต่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ก็ไม่อาจตอบได้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นผลดีเช่นกันในสายตาสังคมโลก เพราะเป็นการเลื่อนที่ไม่มีเหตุอันสมควร
อีกประเด็นที่มีการมองกันว่าหากใน กมธ. ร่วม 3 ฝ่าย มีความเห็นแย้ง จนนำไปสู่การคว่ำร่าง พรป. นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราก็หวังว่าคงไม่ไปถึงจุดนั้น เขาก็ต้องหาข้อยุติร่วมกัน และถ้า คสช. มีความมุ่งมั่น ไม่ให้การคว่ำกฎหมายมาเป็นอุปสรรคอีก คสช. ก็ต้องเข้าไปดำเนินการไม่ให้มีการคว่ำกฎหมาย ก็ทำได้อยู่แล้ว ทุกคนก็ทราบดี
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งหมดอยู่ที่ คสช. คสช. สามารถจะกำหนดได้ทุกอย่าง ดังนั้นอยู่ที่ว่า คสช. จะให้ความเชื่อมั่นได้หรือไม่ เพราะขณะนี้ไม่ว่าจะสอบถามคนในประเทศ หรือจากที่คนสอบถามมาจากต่างประเทศนั้นก็คือ เขามองว่าประเทศไทยขาดความชัดเจน เนื่องจากเหมือนกับมีเหตุที่เกิดขึ้นในลักษณะแบบนี้ โดยไม่ได้มีเหตุผลที่ชัดเจน ขนาดตัวนายกฯ กับรองนายกฯ ยังพูดเองเลยบอกว่า ยังไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า เพราะฉะนั้นอันนี้ก็ต้องบอกว่ามันทำให้มันไม่มีใครมั่นใจได้ ซึ่งมันไม่เป็นผลดีกับส่วนรวม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า คสช. ก็ต้องมีความรับผิดชอบในการที่จะให้โรดแม็ปมีความชัดเจน มีความศักดิ์สิทธิ์ แล้วทุกคนก็ทราบอยู่แล้วว่าที่ผ่านมา สนช. หรือองค์กรเหล่านี้ก็ไม่เคยฝืนนโยบาย คสช. อยู่แล้ว คสช. แต่งตั้งมา แล้วก็ยอมรับนโยบายของ คสช.ทุกอย่าง หรือบางที คสช. ออกอะไรมาแล้ว คสช. ยังไปแก้ไขอีก อย่างเช่น กฎหมายพรรคการเมือง ทั้งหมดอยู่ที่ คสช. คสช. ต้องแสดงความชัดเจนว่าไม่ให้เกิดเหตุการณ์อะไรที่จะเป็นอุปสรรคอีกก็เท่านั้นเอง