เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 2 ธ.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป.พ.ต.ท.ภูมิทัศ ปิติจิระนน สว.กก.3 บก.ป. พร้อมด้วยนายสิทธิวัตร แสงสิริไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและที่ดิน กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมจับกุม นายพิทักษ์ เพชรเจริญตระกูล อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษ ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” จำนวน 19 หมายจับ หลังสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 200/1193 หมู่ที่ 1 ต.บึงสนั่น อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายพิทักษ์ และพวก ได้ร่วมกับพวกหลอกลวงเอาเงินจากชาวบ้านในพื้นที่ จังหวัด ศรีสะเกษ ,สุรินทร์ และร้อยเอ็ด ที่ได้รับผลกระทบจากการโครงการก่อสร้างฝายราษีไศล และกำลังรอรับเงินชดเชยจากทางรัฐบาลเป็นเงิน ไร่ละ 32,000 บาท ด้วยการอ้างตัวว่ารู้จักกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคน สามารถทำโครงการจัดสรรค์เงินชดเชยให้แก่ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนหรือผู้ที่สนใจอยากได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาลได้เร็วกว่าปกติ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องยอมจ่ายเงินให้กับนายพิทักษ์และพวกเป็นเงิน 350 ถึง 2,500 บาท ต่อที่ดิน 1 แปลง เพื่อเป็นค่าดำเนินการและวิ่งเต้น รวมถึงยังมีการแอบอ้างระดมทุนอ้างว่าเพื่อนำมาช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว เมื่อชาวบ้านเห็นว่านายพิทักษ์ นั้นก็ถือเป็นสมาชิกระดับแกนนำของกลุ่ม”ร่วมใจรักพิทักษ์สามัคคี” รวมถึงยังมีการอ้างตัวว่าเป็นท่านชาย จึงหลงเชื่อยอมนำเงินมาให้กับนายพิทักษ์และพวกเป็นจำนวนมาก ซึ่งกว่าที่ชาวบ้านจะรู้ว่าโครงการเร่งรัดติดตามเงินชดเชยของนายพิทักษ์และพวกนั้นไม่มีจริงก็สายไปแล้ว จึงได้รวมกลุ่มไปเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ ในภายหลังจนมีการออกหมายจับดังกล่าว
พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา นายพิทักษ์ และพวกได้ก่อเหตุหลอกลวงลักษณะดังกล่าวกับชาวบ้านในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบทั้ง 3 จังหวัด มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกว่า 3,500 ราย บางรายเอาเงินที่เก็บมาทั้งชีวิต เอาที่นา เอาบ้าน เอาทรัพย์ของตัวเองไปจำนอง เพื่อเอาเงินมาลงทุนตามคำหลอกลวงของกลุ่มผู้ต้องหาเบื้องต้นพบว่ามูลค่าความเสียหายกว่า100 ล้านบาท อย่างไรก็ตามต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่านายพิทักษ์ ผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จึงนำกำลังไปจับกุมตัวได้ดังกล่าว สอบสวนเบื้องต้น นายพิทักษ์ยังคงให้การภาคเสธ ยอมรับว่าอยู่ร่วมในกลุ่มดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้เป็นผู้เรียกรับเงินจากชาวบ้าน เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่งสภ.ศิลาลาด ดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมกับเตรียมประสาน ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อขยายผลตามยึดทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดมาคืนให้กับผู้เสียหายต่อไป
ด้าน นายสิทธิวัตร กล่าวว่า อยากฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการโครงการก่อสร้างฝายราษีไศล และยังไม่ได้รับเงินชดเชยจากทางรัฐบาล ว่า อย่าไปหลงเชื่อกลุ่มคนที่มีพฤติการณ์ลักษณะนี้ เพราะทางหน่วยงานของรัฐไม่มีการเรียกรับเงินค่าดำเนินการใดๆ ถ้าหากใครมาขอเรียกเก็บเงินดังกล่าวก็ไม่ต้องจ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรางวัดที่ดินที่ได้รับผลกระทบในส่วนนี้ทางหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และการจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบทางหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจะทำการโอนเงินเข้าบัญชีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบโดยตรงไม่มีการจ่ายผ่านตัวแทนหรือบุคคลอื่น