ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปีถือเป็นวันออมแห่งชาติ เพื่อปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญและการประหยัดของการออม โดยธนาคารออมสินในฐานะที่เป็นสถาบันเพื่อการออม ได้ดำเนินกิจกรรมด้านการออมมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อกระตุ้นการออมในวันสถาปนาธนาคารออมสิน วันที่ 1 เมษายน ของทุกปี และรวมถึงการได้จักกิจกรรมในวันออมแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา พร้อมจัดทำของที่ระลึกชิ้นพิเศษที่คู่กับกิจกรรมในวันออมเป็นประจำทุกปี คือ “กระปุกออมสินคัมภีร์แห่งการออม”มอบให้ผู้ฝากเงินด้วยตนเองหรือเปิดบัญชีใหม่ ตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไป ณ ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ “ซึ่งธนาคารคาดว่า ปีนี้จะมีคนออมเงินจำนวนประมาณ 5-8 แสนคน และจะมีเงินฝากเข้ามา 2 ถึง 3 พันล้านบาท หากเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านและอาเซี่ยน ไทยมีสัดส่วนเงินออมของประเทศเป็นอันดับ 3 ที่มีสัดส่วน 35.1% ของ GDP ไทยต่อปี อันดับที่1 คือ บรูไน ที่ 56%และอันดับที่ 2 คือ สิงค์โปร์ ที่ 53.2%
ภาพรวมการออมของไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ประชาชนจึงเลือกการออมแบบอื่นๆ เช่น การออมเพื่อการลงทุนในกองทุนและเงินสำรองประกันภัยขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า เงินออมเพื่อการลงทุนประกอบด้วย เงินฝากสะสมในสถาบันรับฝากเงินอยู่ที่ 18 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 58.7% ขยายตัว 3.4% และเงินออมเพื่อการลงทุน 9.9 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 32% ขยายตัว 9% และเงินสำรองประกันภัย 2.7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9% ขยายตัว 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมเงินฝากในระบบทั้งสิ้น 30 ล้านล้านบาท
ด้านเงินฝากของธนาคารออมสินปัจจุบันอยู่ที่ 2.31 ล้านล้านบาท เพิ่มจากเมื่อสิ้นปีก่อนเล็กน้อย แต่ปกติจะมาเร่งตัวขึ้นในไตรมาสที่ 4 ธนาคารตั้งเป้าเงินฝากปีนี้เติบโตที่ 3-4 % คิดเป็นเม็ดเงิน 7-8 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี 61
ทำให้สิ้นปีนี้เงินฝากของธนาคารจะอยู่ที่ 2.35 – 2.38 ล้านล้านบาท