นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือ BBL เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อของปี 2563 ไว้ที่ 3% บนการขยายตัวของจีดีพีที่ 2.5% โดยมาจากปัจจัยเสี่ยงทั้งภาวะเศรษฐกิจทั้งจากภายในประเทศไทย สหรัฐ จีน และยุโรป ซึ่งยังผันผวนและมีความไม่แน่นอนสูงสูงมากกว่าปีนี้ ตลอดจนอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับที่ต่ำ ประกอบกับปัจจัยหนุนที่จะทำสินเชื่อโดยรวมเติบโตมาจากการลงทุนโครงสร้างขั้นพื้นฐานของภาครัฐ เช่น สนามบิน รถไฟฟ้า และ ถนน ซึ่งจะทำให้ความต้องการสินเชื่อมีมากขึ้น
“เรามีความระมัดระวังในการทำธุรกิจมากขึ้น เมื่อพบปัญหาเราก็จะรีบเข้าไปดูแลและให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าถือเป็นการบริการและอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้า”สำหรับกรณีที่ประเทศไทยถูกสหรัฐตัดสิทธิ์ทางการค้า หรือ GSP เช่น อาหารแช่แข็งอย่างกุ้งและทูน่า และเน้ือปลา มูลค่า 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยมูลค่า 39,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลกระทบต่อลูกค้าธนาคารเช่นกันนอกจากค่าเงินที่แข็งและสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน
ส่วนในช่วงไตรมาสที่ 4/62 ธนาคารมีความมั่นใจว่าสินเชื่อจะเป็นไปตามเป้าหมาย 4% แม้ 9 เดือนสินเชื่อรวมจะหดตัวไปที่ 3.9% แต่ก็มีลูกค้าที่รอการเบิกใช้สินเชื่ออยู่หลายราย ซึ่งล่าสุดมีการลงนามรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
ด้านการสร้างการตั้งสำรองของธนาคารในไตรมาสที่ 4/62 ที่อยู่ในระดับปกติ โดยไม่มีความจำเป็นที่ต้องตั้งสำรองเพิ่มเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ (TFRS9) ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีสำรองส่วนเกินในระดับที่สูง และเพียงพอกับความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้น ด้าน (NPL) หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ในไตรมาส 4/62 อาจจะขยับเพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อย จากปัจจุบันที่ 3.4% แต่ก็เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจซึ่งได้ติดตามและพยายามควบคุมให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปัจจุบัน