ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์ รายงานว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.(มค.) พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รอง ผบช.ส.,พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.ประจำ บช.ก.พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุวัฒน์ อินทสิทธิ์ รอง ผบก.ปทส.และ นายอรรถพล เจริญชัยษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ฯ พร้อมคณะได้เดินทางไปยัง ภ.จว.เลย เพื่อประชุมกับเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกที่ป่า ในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติภูเรือ อ.ภูเรือ จว.เลย ซึ่งเบื้องต้นได้รับการร้องทุกข์ว่า มีการรุกที่ป่า 3 แห่ง คือ”ไร่องุ่นชาโตเดอเลย”สวนเกษตรภูเรือวโนทยาน,รังเย็นรีสอร์ท”โดยมี พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.สุดพิเศษ เอกศิริ ผบก.ภ.จว.เลย ,นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าฯ จว.เลย ที่ดินจังหวัดเลย และเจ้าหน้าที่ทหารเข้าร่วมประชุมหารือ ต่อมาคณะดังกล่าวได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยัง ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดเลย สาขาด่านซ้าย เพื่อตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ ว่าที่ดินไหนมีเอกสารถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ ทั้งยังได้นำหมายค้นศาลจังหวัดเลยพร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ เดินทางเข้าตรวจค้นตรวจยึด สถานที่ดังกล่าวข้างต้น
โดยจากการสืบสวนมีรายงานว่า นายเปรมชัยมีกิจการ 3 แห่ง คือ บริษัท ชา โต เดอ เลย ตั้งอยู่ในตำบลร่องจิก อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย โดยมีนายสงวน ชินระนาท เป็นผู้จัดการ บ้านพักตากอากาศ รังเย็น รีสอร์ท ตั้งอยู่ตำบลโคกงาม อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย จากการตรวจสอบพบว่ามีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดิน และภูเรือวโนทยาน ในตำบลร่องจิก อำเภอภูเรือ
จากการสอบถามนายสงวน ผู้จัดการ กิจการ ชา โต เดอ เลย ทราบว่า นายเปรมชัย ครอบครองที่ดินในนามบริษัท ซี.พี.เค. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ครอบครองที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก. จำนวน 147 แปลง เนื้อที่ 6,215 ไร่
มีรายงานว่า น.ส.3 ก. ถูกเพิกถอนตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินลงวันที่ 27 ตุลาคม 2546 จำนวน 147 แปลงรวมเนื้อที่ 6185.437 ไร่ ต่อมาในปี 2552 บริษัท ซีพีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดได้ยื่นเรื่องขอ สัมปทานตามมาตรา 12 บริเวณที่ถูกเพิกถอน.ส.3 ก. โดยขอสัมปทานทั้งหมด 6,229 ไร่ เพื่อเกษตรกรรมเพาะปลูกและจำหน่ายดอกไม้ และพืชผลไม้เมืองหนาว แต่ยังไม่ได้รับอนุมัติจากที่ดิน กระทั่งในปี 2556 บริษัท ซีพีเค ฯ ได้ขอยกเลิกสัมปทานที่ดินทั้ง 6,229 ไร่ เนื่องจากทราบว่าจะมีการรังวัดที่ดินเพื่อออกโฉนด และได้รับการออกโฉนดที่ดิน จำนวน 679 ไร่ ซึ่งอยู่ติดกับแปลงที่ดินที่เคยขอสัมปทานไว้ โดยมีที่ดินจำนวน 14 ไร่ที่ทับกับที่ดินที่เคยขอสัมปทานไว้ จากนั้น ทางบริษัท ซีพีเคฯ ได้เตรียมขอสัมปทานอีกครั้ง จำนวน 6,215 ไร่ แต่ได้ชะลอไว้ก่อนเนื่องจากทราบว่า ที่ดินเตรียมรังวัดออกโฉนดอีกครั้งในปี 2561
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูล รวมถึงภาพถ่ายทางอากาศ พบว่า บริษัทนี้ได้มีการเข้าไปใช้ประโยชน์ที่ดินกว่า 6,215 ไร่ ในการทำการเกษตร มาตลอดตั้งแต่ปี 2546 ทั้งที่น.ส.3 ก. ถูกยกเลิกไปแล้ว และยังไม่ได้รับสัมปทาน ดังนั้นปัจจุบันนี้ที่ดินดังกล่าว จึงยังไม่มีเอกสารสิทธิทางที่ดิน แต่ทาง บ.ของนายเปรมชัย ยังคงครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว โดยการทำการเกษตรจึงเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุกป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้
โดยภายหลังการเข้าตรวจค้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้เปิดเผยว่า การบุกรุกที่ดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อรัฐกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ทางกรมป่าไม้และกรมที่ดินได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อกรรมการบริษัท ซีพีเคแล้ว ฐานบุกรุกพื้นที่ป่า โดยยังไม่มีการแจ้งความนายเปรมชัย ส่วนกรรมการบริษัทดังกล่าวจะเป็นเครือญาติกับนายเปรมชัยหรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบ และเตรียมขยายผลตรวจสอบไปจังหวัดอื่นว่ามีการบุกรุกที่ในลักษณะนี้อีกหรือไม่
ขณะที่นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ฯ กล่าวว่า เตรียมตั้งคณะกรรมการ 5 ชุด เพื่อตรวจที่ดินกว่า 6 พันไร่ที่พบว่ามีการบุกรุก โดยจะตรวจสอบว่า บุกรุกกี่ไร่ และใช้ประโยชน์อะไรบ้าง โดยหลังจากนี้เตรียมดำเนินคดีทางแพ่งกับทางบริษัทดังกล่าวเนื่องจากสร้างความเสียหายต่อรัฐ รวมถึงจะยึดที่ดินคืนทั้งหมด และเข้ามาปรับปรุงพื้นที่ให้กลับมาสมบูรณ์ ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าว ถือเป็นแหล่งต้นน้ำและมีความเปราะบางมาก จะมีความสำคัญทางธรรมชาติ
ด้านนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ระบุว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนจึงได้สั่งการให้ทางที่ดินจังหวัด ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบที่ดินทั้งหมด ทั้งในส่วนที่บุกรุก และส่วนที่ได้รับการออกโฉนดทั้งหมด ว่าออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบหรือไม่ โดยหากพบว่ามีความผิดจะต้องดำเนินคดีเพิ่มเติม รวมถึงหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน
ทั้งนี้ นายชีวภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร ได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนภูธรจังหวัดเลย เพื่อเอาผิดนางสาวพิไลจิตร เริงพิทยา พร้อมพวกรวม 3 คน ในความผิดฐาน กระทำผิดออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ตามกฎหมายที่ดิน กระทำการรุกที่ป่าตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ 2484 กฎหมายที่ดิน และ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม ฯ