เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2562 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี มีการจับกุม 4 ผู้ต้องหาอ้างหน่วยงาน UN หลอกลวงชาวบ้านกว่า 60,000 คน ทำการปลูกถั่วดาวอินคา สูญเงินกว่า 3,000ล้าน โดยในกลุ่มดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมอยู่ด้วย พื้นที่ สภ.บ้านผือ จว.อุดรธานี ว่า
ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ ผกก.สภ.บ้านผือ สำหรับคดีนี้นั้น สำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวได้ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ส่งสำนวนไปยังอัยการจังหวัดอุดรธานี เพื่อฟ้องคดีแล้ว คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการจังหวัดอุดรธานี
ต่อมาปรากฏว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ไปพบอัยการตามนัดเพื่อนำตัวพร้อมสำนวนการสอบสวนส่งฟ้องต่อชั้นศาล อัยการจังหวัดอุดรธานี จึงได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวผู้ต้องหามาฟ้องหรือให้ออกหมายจับผู้ต้องหามาส่งเพื่อฟ้องต่อศาล พนักงานสอบสวน สภ.บ้านผือ จึงได้ขออนุมัติจากศาลจังหวัดอุดรธานี เพื่อขออนุมัติหมายจับ
ต่อมาศาลได้อนุมัติหมายจับ ในวันที่ 6 สิงหาคม 2652 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านผือ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ศสส.ภ.4 กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา ทั้ง 4 คน โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม และ ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม” นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในส่วนของ ด.ต.เศรษฐสัณห์ เหล่าอำนาจ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง.ผบ.หมู่ ป สภ.บ้านผือ จว.อุดรธานี นั้นได้รายงานตนต้องคดีมายัง ผกก.สภ.บ้านผือ แล้ว และได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งคณะกรรมการได้สรุปความเห็นว่า มีมูลเป็นความวินัยอย่างร้ายแรง และได้ส่งเรื่องไปยัง ภ.จว.อุดรธานี เพื่อให้ออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ขณะนี้ต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนวินัยร้ายแรง และ ปัจจุบันตำรวจดังกล่าวได้ย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผบ.หมู่.ภ.จว.นครพนม แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างทาง ภ.จว.นครพนม พิจารณาโทษทางวินัย
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีข้อสั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วน ผู้บังคับการ ผู้กำกับ หน.หน้าหน่วยในทุกต้นสังกัดทุกพื้นที่ ให้มีการควบคุม ดูแลความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่งที่ 1212/2537 ในการ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติและพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายระมัดระวังกิริยามารยาท ในการแสดงออกและขอเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย อย่าลุแก่อำนาจที่ตนมี
หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ โดยให้ดำเนินการตรวจสอบกระทำด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งหากผลการตรวจสอบพบว่าได้กระทำผิดจริงให้ดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการลงทัณฑ์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กระทำในลักษณะนี้ทั้ง ไล่ออก ปลดออก ให้ออก หากความผิดปรากฎชัดเจน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศมาโดยตลอด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี