เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2562 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม ก.ตร.และมอบนโยบายผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า เรื่องการมอบนโยบายไม่มีความแตกต่างมากนัก มีแต่ในรายละเอียดที่จำเป็นจะต้องเข้าถึงวิธีการปฏิบัติ เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งก็มีหลายข้อด้วยกันที่ต้องปฏิบัติ ซึ่งก็มีหลายกิจกรรมที่มีการปฏิบัติไปบ้างแล้ว อันไหนที่ยังปฏิบัติไม่ได้ ผมก็ให้สรุปมาให้ทราบว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน การปฏิรูปนั้นจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปทั้งบุคลากร ทั้งองค์กร ทั้งการปฏิบัติงาน ซึ่งวันนี้ผมก็ดูในโครงสร้างของตำรวจแล้ว ก็มีศูนย์ฯในการทำหน้าที่เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิบัติภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันนี้ 10 ศูนย์ วันนี้ผมก็ให้เพิ่ม เนื่องจากเป็นประเด็นหลักให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะฉะนั้นศูนย์ที่ดำรงการปราบปรามในเรื่องของหลอกลวง ในเรื่องของไซเบอร์ ก็ให้ตั้งเป็นศูนย์ขึ้นมาจะได้ชัดเจนเกิดขึ้น อีกอันก็เรื่องนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นไออียูก็จัดเข้าไปเป็นกลุ่มเพิ่มไปในศูนย์เพิ่มมาอีกศูนย์ เป็นศูนย์ปฏิบัติการนโยบายเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาลคือเรื่องสำคัญที่เป็นวาระแห่งชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า อีกกรณีก็เป็นเรื่องของการเลื่อนตำแหน่ง ตรงนี้ก็มีการแก้ไขกฏระเบียบของ ก.ตร. ข้อนึงก็คือในเรื่องของการนับอาวุโส ซึ่งมันก็คล้ายคลึงกับของทหารอยู่ในปัจจุบัน การนับอาวุโสต่างๆ ถ้าอาวุโสเท่ากันก็นับย้อนหลังลงไป อันนี้ก็ปฏิบัติมาแล้วตั้งแต่ปี 57 ก็ไม่มีปัญหาอะไร ในส่วนของการแต่งตั้งก็ให้เป็นความรับผิดชอบของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบในภาพรวมก่อนที่จะถึงวันพิจารณา ซึ่งก็จะต้องรับฟังความคิดเห็นทุกข้อเสนอ บัญชีต่างๆที่กองกำกับการ หรือภาคต่างๆเสนอขึ้นมาพิจารณาเป็นหลัก จากนั้นก็พิจารณาในเรื่องของความเหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว ตามสัดส่วนที่มีอยู่เดิม ตามอาวุโสที่เสนอมา มันมีกรอบทำงานอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ผมก็ให้ทุกคนทำงานตามหน้าที่ตามกรอบ ตามกฏหมาย หรือตามกติกา กฏต่างๆของ ก.ตร.อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้มีการซื้อขายตำแหน่งอย่างเด็ดขาด การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจต้องเป็นไปด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและยุติธรรม