หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม“นายกฯ”รับไม่ได้เหตุป่วน วอน ปชช.ร่วมมือ จนท.รอผลสอบ รู้ฝีมือใครต้องไม่มีที่ยืน

“นายกฯ”รับไม่ได้เหตุป่วน วอน ปชช.ร่วมมือ จนท.รอผลสอบ รู้ฝีมือใครต้องไม่มีที่ยืน

เมื่อวันนี้ 2ส.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ระเบิดหลายจุดในกรุงเทพมหานครในเช้าวันเดียวกันนี้ ว่า จากเหตุการณ์ระเบิด 5 ครั้งจาก 9 เหตุการณ์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่มากนัก แต่แค่คนเดียวตนก็รับไม่ได้ จึงได้สั่งการให้สตช.เข้าไปดูแลว่าได้รับความเดือดร้อนและบาดเจ็บตรงไหน เพราะตนไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อน และสิ่งที่อยากให้ทุกคนช่วยกันคิดก็คือ เราจะแก้ไขปัญหาความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินกันอย่างไร การจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารทำเพียงฝ่ายเดียวคงไม่เพียงพอ จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาแบบองค์รวมคือประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งปัจจุบันเรามีช่องทางสื่อสารระหว่างประชาชนกับตำรวจและทหารอยู่แล้ว เราจึงจำเป็นต้องทำตัวให้สอดคล้องกับโลกปัจจุบันที่เป็นโลกแห่งการใช้โซเชียลมีเดียและโทรศัพท์ จึงขอฝากไปถึงประชาชนทุกคนอย่างกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 1 ส.ค. จนถึงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจากกล้องซีซีทีวีจับภาพผู้ต้องสงสัย ขณะเดียวกันตนอยากได้ภาพเหล่านี้จากประชาชนด้วย ดังนั้น หากเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น หรือไม่น่าไว้วางใจก็ขอให้ถ่ายรูปเก็บไว้ หากเจ้าหน้าที่ต้องการหลักฐานเพิ่มเติมก็สามารถส่งมาให้ได้ เพื่อช่วยกันคลี่คลายสถานการณ์

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เหตุการณ์ที่้เกิดขึ้นตั้งแต่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนได้สั่งการผ่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เพื่อช่วยกันทำงานและเป็นที่น่ายินดีที่เราสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 2 คนจากพื้นที่จ.ชุมพรภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง แสดงว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวน และผลการสอบสวนขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการและค่อนข้างชัดเจนว่าทั้ง 2 คนคือผู้ก่อเหตุโดยมีหลักฐานจากกล้องซีซีทีวี และวัตถุพยานหลายอย่าง แต่ทั้งนี้ อย่าเพิ่งด่วนให้ข้อสรุป ว่าเกิดจากอะไรหรืือสาเหตุมาจากอะไร แต่่อยากให้ทุกคนคิดว่า 5 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล เหตุการณ์ลดน้อยลงจนเกือบไม่มีเกิดขึ้นเลย แล้วทำไมจึงกลับมาเกิดในช่วงนี้อีก ทุกคนต้องมองสถานการณ์วันนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะนี้เรามีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญในการพูดคุยกับประเทศคู่เจรจา แล้วทำไมต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เคยมีตัวอย่างแบบนี้เกิดขึ้นหรือเปล่า ก็ต้องไปสอบทบทวนว่า เกี่ยวข้องอะไรกับใครบ้างในอดีตที่ผ่านมา ทราบว่ามีหลายอย่างที่เชื่อมโยงกับกลุ่มเก่าๆบ้าง แต่วันนี้ยังไม่ได้ตัดประเด็นอะไรออกไปทั้งสิ้น

นายกฯกล่าวว่า สิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันก็คือ ทำอย่างไรให้ประเทศปลอดภัยกว่านี้ ตราบใดก็ตามที่ยังมีคนไม่ดีอยู่ เหตุการณ์ก็พร้อมจะเกิดขึ้นตลอดเวลาเช่นเดียวกับต่างประเทศ เพราะฉะนั้น อยู่ที่เราจะเข้มแข็งพอหรือไม่ ซึ่งประชาชนมีส่วนสำคัญในการร่วมมือ ทั้งนี้ ตนได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทหารและตำรวจ ก็ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด้วย ขอให้ช่วยกันเฝ้าระวังดูแลและถ่ายรูป ถ้าเราร่วมมือกันแบบนี้ เหตุร้ายก็เกิดขึ้นไม่ง่ายนัก ทั้งนี้ สถานการณ์ในพื้นที่อื่นที่เกิดขึ้นทั้ง 9 ครั้ง 5 จุด ขณะนี้การสืบสวนมีความก้าวหน้าไปโดยลำดับ

“เพียงแต่ขอร้องสื่อฯว่าขณะที่ผมเข้ามารับหน้าที่ตรงนี้ สื่ออย่าเพิ่งขยายความ หรือไปสอบถามกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง เพราะทุกคนมีความเห็นที่แตกต่าง ถ้าถามมากก็จะไปกันใหญ่ ทำให้กระบวนการต่างๆเสียหาย ซึ่งผมได้ย้ำกับเจ้าหน้าที่ทุกคนว่า ในการทำหน้าที่ขอให้ระมัดระวังอย่างดีที่สุด วันนี้อย่าลืมว่าเรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ ถึงแม้จะมีใครไปพูดจาบ้างก็ตาม แต่ก็มีการรับรองอย่างเป็นทางการจากหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นประเทศมหาอำนาจหรือประเทศใหญ่ๆ ซึ่งทุกประเทศอยากให้รัฐบาลนี้ืทำงานสืบสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่อไป จะเห็นได้ว่าทุกประเทศไม่ได้รังเกียจเราและมีความเข้าใจดีและทราบว่าที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นและผมต้องเผชิญสถานการณ์อะไรบ้าง และทุกคนก็หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากประเทศไทยต่อไป ประเทศไทยมีศักยภาพมาก ถ้าเราไม่ทำลายกันเอง หรือพูดจาให้เกิดความเสียหาย เรายังมีโอกาสอีกมาก เพราะถือว่าเราเป็นแกนกลางของอาเซียน และปีนี้เราก็เป็นประธานอาเซียนผมก็ได้นำพาประเทศสมาชิกทั้งหมดไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้หลายอย่างเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย สิ่งเก่าๆและเดิมเราคงต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดการปฏิรูปประเทศ สิ่งสำคัญคือต้องระเบิดจากข้างในโดยจิตใจของคนไทย ต้องร่วมมือกันทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ทุกองค์กรต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ตำรวจทหารก็ต้องสนับสนุนในทุกๆรัฐบาล ไม่ใช่ว่าจะเป็นการสืบทอดอำนาจใดๆ เพราะการเป็นนายกฯก็ต้องดูแลทุกคนในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งในการกำกับดูแลสตช.นั้น ก็มากำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎระเบียบ ตามกฎหมายที่มีอยู่แล้ว ไม่มีการละเมิดหรือไปสร้างปัญหาใดๆ

เมื่อถามว่า จากเหตุการณที่เกิดขึ้นให้น้ำหนักในประเด็นการเมืองแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่าเราไม่ทิ้งอะไรสักอย่าง จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ สรุปมีคนไม่ดีกระทำการเช่นนี้ขึ้นมา จะด้วยเหตุผลประการใด เดี๋ยวสอบสวนออกมาได้เองว่าเขื่อมโยงกับกลุ่มไหนอะไรอย่างไร เดี๋ยวก็ออกมาเองเป็นชุด และจะสร้างการรับรู้ต่อไป

“ตอนนี้อย่าเพิ่งใจร้อนเพิ่งเกิดเหตุ เราก็ทำเต็มที่ เมื่อคืนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้หลับได้นอน ด่านก็ตรวจสกัดทุกช่องทาง กทม.ก็ช่วย ตำรวจก็ช่วย ทหารก็ช่วย นี่คือการบูรณาการ ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 2 คนตามหลักฐานวัตถุพยาน ไม่ได้ใช้วิธีการอื่นเลย ใช้การสอบสวนกับกระบวนการยุติธรรม ให้ความเป็นธรรม” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า เชื่อมโยงกับการเมืองหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะบอกว่าเชื่อมโยงหรือไม่ ตนยังตอบไม่ได้ เพียงแต่ต้องมาดูว่ามันเกิดช่วงเวลาเดียวกันหรือเปล่า ถ้าเป็นเวลาใกล้เคียงกัน มันอาจมาจากกลุ่มเดียวกันหรือไม่ หรืออาจจะมาจากหลายกลุ่มก็ต้องดูกันอีกที

เมื่อถามว่า ผู้ต้องหาที่จับกุมได้เป็นคนภาคใต้ นายกฯ กล่าวว่า “อ๋อ มันก็มีมั้ง” ตนเคยบอกแล้วว่า ถ้าเรามองแง่เดียวว่า จะขึ้นมาเพื่อให้เกิดเหตุการณ์อย่างเช่นในพื้นที่ข้างล่าง มันก็ไม่ใช่เสียทีเดียว อย่าลืมว่าเป็นการใช้บริการก็มี หลายเรื่องเกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอยู่แล้ว เป็นบทเรียน

เมื่อถามว่า การสร้างสถานการณ์ระเบิดเกิดขึ้นก่อนที่นายกฯ จะมาประชุมที่สตช. เพียงวันเดียว มีการมองว่าเป็นเพราะตำรวจไม่ยอมรับนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ หัวเราะในลำคอ พร้อมหันไปถามพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ยืนข้างหลัง ว่า “ตำรวจไม่ยอมรับหรือ” ขณะที่ผบ.ตร. ตอบในทันทีว่า “ยอมครับ” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวหรอก อย่ามองอย่างนั้น ตนบอกแล้วว่า ที่มาเพราะมาดูแลเขาและดูแลประชาชนผ่านเขา ฉะนั้น ตำรวจจะไม่พอใจอะไรตน ตนคิดว่าไม่มี อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายสิบปีมาแล้ว เป็นพี่เป็นน้องกันมา ตั้งแต่เป็นผบ.ทบ.ก็มี รู้จักกันมานาน ทุกคนจำหน้ารู้จักกันหมด เราต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน แต่เรื่องนั้นก็วิเคราะห์ได้ ถ้าจะวิเคราะห์กันก็หลายเรื่อง แม้แต่การประชุมก็เกิดขึ้น ต่างประเทศก็มา อะไรก็มา และมาเกิดในช่วงนี้ นี่คือการทำงายประเทศของเรา

“ใครที่ทำก็แล้วแต่ ผมถือว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่ใช้ไม่ได้จริงๆ มันต้องไม่มีที่ยืน” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีการข่าวอะไรมาหรือไม่ นายกศ กล่าวว่า ไม่มีในลักษณะเกิดความรุนแรง ทุกคนอยู่ในช่วงการดีใจที่ได้รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง การแถลงนโยบายที่ผ่านมาก็โอเคผ่านไปด้วยความเรียบร้อย ไม่คิดว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ทุกคนก็พยายามระวังเต็มที่แล้ว จะเห็นได้ว่า ก็มีความพร้อมเมื่อเกิดสถานการณ์ ไม่ทำให้เกิดความสูญเสียจำนวนมาก อะไรทำนองนี้ ถ้าเราไม่เข้มงวดคงจะมากกว่านี้ ฉะนั้น เราต้องสร้างความเข้มแข็งของพวกเราด้วย

เมื่อถามว่า จะต้องใช้มาตรการพิเศษอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มียังไม่ต้องใช้กฎหมายพิเศษ กฎหมายปกติมีอยู่แล้ว การสืบสวนสอบสวนใช้กระบวนการปกติ โดยบูรณาการร่วมกับกอ.รมน. , ศอ.บต. ซึ่งมีรัฐมนตรีที่กำกับดูแลรับผิดชอบอยู่แล้วทำงานร่วมกัน ส่วนเรื่องคุมเข้ม แน่นอนเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นต้องมีอยู่แล้วโดยเพิ่มมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น ทั้งพื้นที่ราชการ พื้นที่เชิงสัญลักษณ์ต่างๆ การประชุม สถานทูต ตนได้สั่งการไปหมดแล้ว

เมื่อถามว่า นายกฯ คิดว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อันนี้ก็เต็มที่ ต้องบอกว่าทำเต็มที่ ขอให้ช่วนกันอีกทางหนึ่งก็แล้วกัน สื่อก็ช่วยกันด้วย


RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img