หน้าแรกเศรษฐกิจ-การเงินธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตลอดครึ่งปีหลังของปี 2562

ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตลอดครึ่งปีหลังของปี 2562

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดธนาคารแห่งประเทศไทยจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตลอดครึ่งปีหลังของปี 2562 แนะจับตามองนโยบายรัฐบาลใหม่  

26 กรกฎาคม 2562 กรุงเทพฯ – ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ตลอดครึ่งปีหลังของปี 2562 ในขณะที่นโยบายรัฐบาลใหม่และการผ่านงบประมาณปี 2563 เป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง

“ประเทศไทยจะยังคงเผชิญความไม่แน่นอนจากปัจจัยทั้งภายในและนอกประเทศในครึ่งหลังของปีนี้ เสถียรภาพของรัฐบาลใหม่และความสามารถในการบริหารประเทศจะเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิด ซึ่งถ้าดำเนินไปได้ด้วยดี อาจจะกลายเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ” ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าว

“ในด้านเศรษฐกิจ เราคาดว่าเศรษฐกิจในประเทศจะชะลอตัว รวมทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แม้ว่าการบริโภคภาคเอกชนของไทยจะเข้มแข็ง แต่ไม่น่าจะสามารถทดแทนการลงทุนที่ชะลอตัวและผลกระทบจากสงครามการค้าได้”

ธปท. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียงหนึ่งครั้งตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2561

“เราคาดว่าธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ตลอดครึ่งปีหลัง และเริ่มปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2563 หากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและโลกเอื้อ เพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน จากดอกเบี้ยในประเทศที่อยู่ในอัตราที่ต่ำมานาน และการที่ดอกเบี้ยไม่ต่ำเกินไป จะสามารถมีพื้นที่ในการลดดอกเบี้ยได้ หากเกิดความจำเป็นในอนาคต” ดร.ทิม กล่าวเพิ่มเติม

ธนาคาสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดว่า ธปท. จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.25% หนึ่งครั้งในปี 2563 ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2563 อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 2.0%.

ในช่วงที่เหลือของปี 2562 ธนาคารกลางทั่วโลกนำโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย โดยธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ (เดือนกรกฎาคมและธันวาคม) จากที่ก่อนหน้านี้คาดว่าจะคงดอกเบี้ย

สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ยังคงเป็นที่จับตามอง แม้ว่าจะมีการกลับมาเจรจากันอีกครั้งหลังจากงานประชุม G20 ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยยังอยู่ภายใต้แรงกดดันตลอดครึ่งปีหลัง (ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2562 ภาคการส่งออกหดตัว 3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวเพียง 2% โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนลดลง 4%)

ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นมากกว่าเพื่อนบ้านน่าจะเพิ่มแรงกดดันต่อการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ย ด้วยเหตุนี้ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มองว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะเริ่มมีการหารือถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยบ้าง แต่เสียงส่วนใหญ่ของกนง. น่าจะตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายไว้

“การเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังดีอยู่ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงด้านการค้าก็ตาม ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (และ ธปท.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตในอัตรา 3.3% ในปีนี้ เราคาดว่าธปท. น่าจะใช้เครื่องมืออื่นที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยนโยบายในการดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น” ดร.ทิม กล่าวสรุป


 

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img