นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศภายใต้รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดเผยถึงสถานกาณ์ทางการเมืองและการเลื่อนเลือกตั้ง ว่า รัฐบาลทหารของเรา พูดแล้วไม่เคยเดินไปตามนั้น ตนคิดว่ามันทำให้ความน่าเชื่อถือของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. และหัวหน้าคณะรัฐบาล ลดลง และการที่หัวหน้ารัฐบาลทำหรือไม่ทำอะไร มันจะมากระทบต่อพวกเราประชาชน ซึ่งสุดท้ายแล้วมันจะย้อนกลับมากระทบกับตัวพลเอกประยุทธ์ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่าตอนนี้กลายเป็น จอมมหางู ต้องมาดูว่าการทำแบบนี้ มันทำให้เสียชื่อเสียงต่อประเทศไทย และมันไม่มีเหตุผลอันใด ที่จะไม่คืนประชาธิปไตย เมื่ออยู่ในอำนาจมา 4 ปีแล้ว ก็เห็นบอกว่าปฏิรูปหลายเรื่องแล้ว มันก็เป็นคำมั่นสัญญาตั้งแต่ วันที่ 22 พ.ค. 2557 ว่าจะเข้ามาจัดโต๊ะประชาธิปไตย มาจัดระเบียบ แต่ทำไมจัดระเบียบมาตั้ง 4 ปีแล้ว ยังไม่เสร็จเสียที ไม่มีขีดความสามารถ หรือมีเจตนาที่ไม่แน่ชัด หรือไม่สามารถที่จะทำตามที่พูดได้ จะเป็นเรื่องที่จะทำให้เป็นปัญหา
นายกษิต กล่าวต่อไปว่า คราวนี้เมื่อประชาธิปไตยไม่กลับมา นอกเหนือจากที่คณะทูตจากหลายประเทศ ที่แสดงความไม่พอใจแล้ว ขั้นต่อไปก็อาจจะทำให้เกิดการชะลอการลงทุน อย่างเช่นการที่ สหภาพยุโรป หรืออียู ชะลอการเจรจาระดับเทคนิคในการทำข้อตกลงการค้า ปัญหาเรื่อง กฎระเบียบว่าด้วยการทำประมงที่ผิดกฎหมาย หรือไอยูยู การค้ามนุษย์ และ การปลดธงแดง ในระเบียบเรื่องการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือไอซีเอโอ ถ้าประเทศไทยมีปัญหาเช่นนี้แล้วรัฐบาลไทย ไม่มีความน่าเชื่อถือ มันจะไปสะท้อนเรื่องอื่น มันจะไม่ใช่เรื่องของประชาธิปไตยเท่านั้นเอง ซึ่งเรื่องเช่นนี้จะบอกว่าเมืองไทยเราเป็นรัฐบาลอะไร เราเป็นรัฐบาลที่จะต้องมีความน่าเชื่อถือหรือไม่
ถ้าเกิดว่าเป็นอย่างนี้ไปแล้ว ถ้าเกิดนานาชาติทำการคว่ำบาตร รัฐบาลจะว่าอย่างไร บัญชีเงินที่ฝากไว้ต่างประเทศ ก็สามารถถูกอายัดได้ ลูกหลานที่ไปเรียนหนังสือต่างประเทศ ก็จะไม่ได้รับการออกวีซ่าให้ หรือว่าคณะผู้แทนของประเทศไทย รวมถึง คสช. หรือ สนช. ก็จะไม่ได้รับการต้อนรับจากนานาประเทศก็เป็นได้ เพราะต่างประเทศให้เกียรติมาแล้วเป็นเวลา 4 ป่ี จึงหวังว่าจะรักษาคำพูด นายกษิต กล่าว
“การที่พลเอกประยุทธ์ออกมากล่าวว่า ตนไม่เคยบอกวันที่ เพราะฉนั้นตนก็ไม่มีหน้าที่ที่จะมาบอกวันที่ แบบนี้มันยิ่งเลวลงไปอีก เมื่อคุณเป็นทหารหาญแล้วเนี่ย คำไหนคำนั้น” นายกษิต กล่าว
นายกษิต กล่าวต่อไปว่า การที่ชะลอการเลือกตั้งอย่างนี้ ก็จะทำให้เกิดกระแสภายในประเทศ อย่างที่เห็นกันในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เหล่าบรรดากลุ่มเอ็นจีโอเป็นจำนวน 40 – 50 เริ่มที่จะมีการเคลื่อนไหว ส่วนเอ็นจีโอจะแท้หรือจะเทียม เพื่อประชาธิปไตยไม่ทราบ แต่มันเป็นการเปิดโอกาส ให้เริ่มมีการประท้วงรัฐบาลทหารโดยตรง ฉนั้นมันก็จะเป็นการชนกันระหว่างประชาชนกับรัฐบาลทหาร แล้วท่านจะปราบประชาชนหรือ เพราะประชาชนเหล่านี้ก็ไม่ใช่พรรคการเมือง ซึ่งถูกเล่นงานมาตั้งเยอะแล้ว ซึ่งไม่เป็นไรเพราะนักการเมืองมีดีมีเลว ส่วนใหญ่ไม่ค่อยดี ระหว่างนี้มันเป็นระลอกใหม่แล้วสำหรับผู้ที่จะมาประท้วงรัฐบาล โดยที่คราวนี้ไม่ใช่การประท้วงเฉยๆ แต่เป็นการเรียกร้องประชาธิปไตย
ที่มา: บทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม