ณ ห้องโถง ชั้น 1 ข้างอาคารจอดรถ สตม. (สวนพลู) พลตำรวจโท สมพงษ์ ชิงดวง รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) พร้อมด้วย พลตำรวจตรี ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์,พลตำรวจตรี กฤษกร พลีธัญญวงศ์,พลตำรวจตรี อิทธิพล อิทธิสารรณชัย,พลตำรวจตรี ณฐพล แสวงกิจ,พลตำรวจตรี สรายุทธ สงวนโภคัย รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รองผบช.สตม.),พลตำรวจตรี สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (รองผบช.ภ.7) ปฏิบัติราชการ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รองผบช.สตม.),พลตำรวจตรี อาชยน ไกรทอง ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 (ผบก.ตม 3),พันตำรวจเอก ภาส สิริสุขะ รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 (รอง ผบก.ตม.3) และ พันตำรวจเอก สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี (ผกก.ตม.จ.ชลบุรี)
ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมดังนี้ โดยเมื่อวันที่ 11 ก.ค.62 เวลาประมาณ 11.20 น. เจ้าหน้าที่ตม.จ.ชลบุรี ได้จับกุมตัว นาย MANEESH อายุ 30 ปี สัญชาติอินเดีย พฤติกรรมคือ ผู้ต้องหาได้เข้ามายื่นขออยู่ต่อและเปลี่ยนประเภทวีซ่าที่ ตม.จ.ชลบุรี เพื่อเปิดบริษัทประกอบธุรกิจในประเทศไทย จากการตรวจสอบผ่านระบบ Biometrics พบว่าเป็นบุคคลเดียวกับ นาย MANISH อายุ 29 ปี (เกิดเมื่อ 1 ม.ค.1990) สัญชาติอินเดีย ซึ่งได้ถูกจับกุมในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (อยู่เกิน 1,549 วัน) และ ได้ถูกผลักดันออกนอกราชอาณาจักรไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.61
โดยมีคำสั่งห้ามเข้ามาราชอาณาจักรตามคำสั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ 1/2558 ลง 27 พ.ย.58 ห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นเวลา 10 ปี คือถึงวันที่ 8 ก.ย.71 หลังตรวจสอบจนเป็นที่แน่ชัดและผู้ถูกจับให้การรับสารภาพว่าต้องการกลับเข้ามาเพื่อทำงานในประเทศไทย จึงได้ จับกุมตัวในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตาม ขัดขืน หรือไม่ยอมรับทราบคำสั่งรัฐมนตรี ฯ ” อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 82 และได้ทำการเปรียบเทียบปรับเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท พร้อมทั้งได้เพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักร และผลักดันออกนนอกราชอาณาจักรต่อไป