วันจันทร์ที่ 15 ก.ค.62 เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นาย รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม และทนายความ ได้พานายสุริยา ศรีโซ้ง อายุ 47 ปี และ น.ส.เจียม ศิริสุข อายุ 46 ปี สองสามีภรรยา ชาว จ.ร้อยเอ็ด เดินทางเข้าพบ ร้อยตำรวจเอก อัครวุฒิ จันทร์เจริญ รองสารวัตรสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม (รองสว.สอบสวน กก.3.บก.ป.)
เพื่อให้ช่วยติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดี ด.ช.กฤษฏา ศรีโซ้ง อายุ 14 ปี บุตรชาย ถูกพบเป็นศพเสียชีวิตอยู่ริมถนนร้อยเอ็ด-อาจสามารถ ต.หนองไผ่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 25 ก.พ.61 หลังเชื่อว่าการเสียชีวิตของบุตรชายน่าจะเป็นการถูกฆาตกรรม และนำศพไปทิ้งอำพรางคดี ไม่ใช่การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตามที่พนักงานสอบสวน สภ.ธวัชบุรี ลงความเห็นไว้
นายสุริยาฯ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 มี.ค.61 ตนและภรรยาเคยมาร้องขอให้ตำรวจกองปราบฯ ช่วยตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของบุตรชายตน ก่อนที่ต่อมาตนจะมาทราบในภายหลังว่าหลังจากที่ตนได้ร้องขอให้ทางกองปราบฯ ช่วยเหลือครั้งนั้น ก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.3 บก.ป. ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมกับสืบหาพยานหลักฐานต่างๆเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ตนจึงได้เดินทางยังกองปราบฯ ในวันนี้เพื่อที่จะขอทราบข้อสรุปของทางกองปราบฯ ว่าเห็นด้วยหรือเห็นต่างกับข้อสรุปของ สภ.ธวัชบุรี หรือไม่
ภายหลังเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.62 ที่ผ่านมา ทาง สภ.ธวัชบุรี ได้มีการลงความเห็นว่าการเสียชีวิตของบุตรชายเป็นอุบัติเหตุ นอกจากนี้ตนยังได้ถือโอกาสนำเอาหลักฐานซึ่งเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุที่ตนพยายามหามาด้วยตนเองมามอบให้กับทางกองปราบฯ ประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม
นายสุริยาฯ กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุผลที่ทำให้ตนเชื่อว่าบุตรชายน่าจะถูกฆาตกรรมนั้น เนื่องจากมีพยานผู้เห็นเหตุการณ์มาบอกกับตนว่าก่อนเกิดเหตุเห็นบุตรชายของตนถูกทำร้ายไม่ใช่อุบัติเหตุ นอกจากนี้ตนยังทราบอีกว่าในช่วงที่เกิดเหตุแรกๆ นั้นทางตำรวจ สภ.ธวัชบุรี ได้เคยเชิญตัว ด.ช.บี (นามสมุมติ) เพื่อนของบุตรชายตนคนหนึ่งที่อยู่ด้วยกันก่อนจะเสียชีวิต มาสอบปากคำ ซึ่งในการให้ปากคำครั้งนั้น ด.ช.บี ได้ให้การกับทางพนักงานสอบสวนว่าไม่ได้อยู่ด้วยกันกับบุตรชายตนก่อนหน้าจะเกิดเหตุ แต่ให้หลังจากนั้นไม่กี่วัน ด.ช.บี กลับโทรศัพท์ไปข่มขู่เพื่อนในกลุ่มเดียวกันซึ่งเป็นคนคอยให้เบาะแสข้อมูลกับตนว่าห้ามพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว จึงทำให้ตนเชื่อว่าการเสียชีวิตของบุตรชายตนไม่น่าจะเป็นแค่เพียงอุบัติเหตุอย่างแน่นอน
นายรณณรงค์ฯ กล่าวว่า สำหรับการมาในวันนี้ก็เพื่อต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากทางกองปราบฯ ว่าตกลงแล้วการเสียชีวิตของ ด.ช.กฤษฏาฯ นั้นเป็นอุบัติเหตุหรือการฆาตกรรม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางกองปราบฯ ได้เคยลงพื้นที่ไปช่วยสืบสวนเมื่อปี 2561 แต่ยังไม่ได้แจ้งผลสรุป จึงอยากรู้ว่าผลสรุปเป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากทางพ่อและแม่ของผู้ตายนั้นยังมีความเห็นแย้งกับตำรวจท้องที่ ที่สรุปว่าเป็นอุบัติเหตุก่อนหน้านี้ โดยในวันนี้ยังได้นำภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพคล้ายกับคนกำลังเอาเสื่อห่อศพและขับรถคันที่เกิดเหตุขณะนำไปทิ้งอำพรางศพ
ด้าน พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจกองปราบฯ ได้ไปจำลองเหตุการณ์บางช่วงตามข้อเท็จจริง ที่มีอยู่แล้วเมื่อปีที่แล้ว ประกอบกับเชิญพยานในเหตุการณ์มาให้ปากคำด้วย ซึ่งเบื้องต้นพบว่าข้อมูลที่พยานให้ยังวกวน รวมถึงหลักฐานที่กองปราบฯ รวบรวมมายังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นบุคคลหรือศพ จริงหรือไม่ตามที่ครอบครัวสงสัย โดยหลังจากนี้จะขอดูหลักฐานที่วันนี้ครอบครัวเอามาให้เพิ่มเติม เพื่อเทียบเคียงว่าตรงกับหลักฐานที่กองปราบฯมีหรือไม่ ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ได้ผลสรุป และ ลงความเห็นว่าเห็นแตกต่างหรือสอดคล้องกับตำรวจในพื้นที่แต่อย่างใด
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง