หน้าแรกเศรษฐกิจ-การเงินเคาะตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2562 ของ ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น หรือ TQM

เคาะตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2562 ของ ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น หรือ TQM

จากยอดขายเบี้ยประกันภัยทั้งหมด 3,207 ล้านบาท คิดเป็นรายได้รวมของ TQM ที่ 672 ล้านบาท เติบโต 9.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งยอดขายเบี้ยประกันภัยในไตรมาส 1 จะเฉลี่ยอยู่ประมาณที่ 25% ของประมาณการณ์ยอดขายทั้งปี ยอดขายประกันภัยนอนไลฟ์มีสัดส่วน 94% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่ยอดขาย ประกันชีวิตมีสัดส่วน 6% ยอดขายประกันภัยรถยนต์ยังเป็นรายได้หลักซึ่งยอดขายตลาดรถใหม่ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาจากปี 2561 จนถึงไตรมาสแรกปี 2562

ธุรกิจนายหน้าประกันภัยของ TQM เป็นไปตามฤดูกาล (Seasonal) ยอดขายเบี้ยประกันภัยหลักจะมาจากประกันภัยรถยนต์ ซึ่งเติบโตตามยอดขายรถยนต์ที่จะขยายตัวสูงที่สุดในไตรมาส 4 และเป็นไตรมาสที่สูงที่สุด ในขณะที่ยอดขายในไตรมาสอื่นจะเฉลี่ยประมาณใกล้เคียงกัน

เพิ่มทีมขายรองรับการขยายตัว

ในขณะเดียวกันต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการในไตรมาสนี้คิดเป็น 355.2 ล้านบาท ทั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากการเตรียมความพร้อมในการบุกตลาดประกันชีวิตที่รับพนักงานเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งจะสามารถสร้างการรับรู้รายได้ให้บริษัทได้ในปลายไตรมาสที่ 2 ปีนี้ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในไตรมาสนี้ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 จาก 48% เป็น 46% อย่างไรก็ตาม TQM ยังสามารถทำกำไรขั้นต้นเติบโตได้ 2.1% เมื่อเทียบกับรายได้ที่เติบโตขึ้นในช่วงเดียวกันของปี 2561

ดำเนินธุรกิจถูกที่ถูกเวลา

TQM บริหารจัดการองค์กรได้อย่างถูกที่ถูกเวลา จากการลงทุนในเทคโนโลยีมากว่า 4 ปี ช่องทางนี้กำลังขยายเข้าไปสู่ผู้บริโภคมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำ Big Data เข้ามาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าเพื่อให้สามารถขายประกันและให้บริการได้ตรงใจ หรือ Chat Bot ที่ให้บริการลูกค้าได้เหมือนคนที่จะลดต้นทุนการบริการหลังการขายลงได้ รวมทั้งช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างและตรงเป้ามากยิ่งขึ้น ซึ่ง TQM มีเพื่อนทุกแพล็ตฟอร์มออนไลน์อยู่กว่า 20 ล้านคน สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและลดต้นทุนได้ในขณะเดียวกัน

กำไรแข็งแกร่งเป็นไปตามคาด

กำไรสุทธิที่ 106.6 ล้านบาท เติบโต 20.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นผลมาจากยอดขายเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้น การควบคุมค่าใช้จ่าย และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารงานบริการหลังการขายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.36 บาท เปรียบเทียบกับปีก่อนเท่ากับ 0.39 บาท ลดลง 0.03 บาทต่อหุ้น เพราะการคำนวณจำนวนหุ้นถัวเฉลี่ยในปี 2561 จากการที่ TQM ได้เพิ่มทุนเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือนธันวาคม 2561

แนวโน้มเติบโตชัดเจน

TQM ดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่งบนพื้นฐานของการขายทั้งออฟไลน์ผ่านพนักงานขาย และออนไลน์ผ่าน Chat Center รวมทั้งการบริหารต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และรวมไปถึงการสร้างรายได้จากเทคโนโลยีที่ได้ลงทุนไปมากว่า 4 ปี จึงเห็นว่ายอดขายมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน

ผลพวงที่มากขึ้นจากพันธมิตรธุรกิจใหม่

TQM เน้นการจับมือร่วมกันพัฒนาธุรกิจกับบริษัทประกันภัย ออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงใจและเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพที่เจาะกลุ่มคนรักสุขภาพในแต่ละช่วงอายุ หรือแบบประกันที่รองรับการเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ประกันที่เจาะกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่ครอบคลุมทุกประกันภัยไม่ว่าจะเป็นประกันภัยรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ และประกันที่อยู่อาศัย จากนี้ไป TQM มีแผนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจใหม่ด้วยการบริหารการดำเนินงานภายใต้โครงการสร้างปัจจุบัน อาทิ Financial Broker, ประกันชีวิต และ Insurance Shop ซึ่งจะต่อยอดไปถึงรายได้ใหม่และการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) และส่งผลถึงการเติบโตและการทำกำไรที่ชัดเจน


 

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img