ที่อาคารรัฐสภาใหม่ ย่านเกียกกาย นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา และนายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ เข้ารายงานตัว โดยนายถาวร ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการรายงานตัวว่า การทำงานของ ส.ส. สิ่งแรกต้องยึดผลประโยชน์ทั้งของประชาชน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ที่สำคัญต้องยึดอุดมการณ์ของพรรค ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรม นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ ยังมีวินัยและมติพรรคที่บัญญัติไว้มาเป็นเวลา 73 ปีแล้ว ไม่ว่า มติพรรคจะออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตาม

“ผมยังยืนยันความเห็นส่วนตัวตามที่เคยหารือกับเพื่อนสมาชิกมาหลายครั้ง ถึงจุดยืนควรร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และควรให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีตามแนวทางของรัฐธรรมนูญที่ผ่านการประชามติกว่า 16 ล้านเสียง แต่ย้ำว่า มติพรรคเป็นเรื่องใหญ่กว่าความเห็นส่วนตัว ซึ่งการตัดสินใจของแต่ละคนมีปัจจัยหลายด้าน ทั้งเรื่องอุดมการณ์พรรค ความเป็นเอกภาพในการสู้ศึกวันข้างหน้า ฟื้นกรุงเทพฯ ภาคใต้ ขยายฐานเสียงไป อีสานและภาคเหนือได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยการตัดสินใจของแต่ละคน” นายถาวร กล่าว

นายถาวร กล่าวอีกว่า สำหรับความเคลื่อนไหวการประชุมใหญ่วิสามัญพรรค เพื่อเลือกหัวหน้าประชาธิปัตย์ในวันที่ 15 พฤษภาคมนั้น มีทั้งหมด 4 คน ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช รักษาการรองหัวหน้าพรรค นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพ และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ซึ่งเราได้เชิญให้ผู้สมัครทั้งหมดมาแสดงวิสัยทัศน์ ณ ที่ทำการพรรค แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะมาบ้าง โดยในวันที่ 9 พ.ค. เวลา 13.00 น. จะเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ต่อสมาชิกภาคใต้ ส่วนวันที่ 10 พ.ค. เป็นของภาคกลาง

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า มีชื่อเป็นเลขาธิการพรรคในทีมของนายพีระพันธุ์ นายถาวร กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้เป็นเลขาธิการให้ใคร แต่มีชื่ออยู่ทุกกลุ่ม ส่วนเรื่องจุดยืนในการร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ส่วนตัวคิดว่า ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เดินพบปะประชาชนจนหาเสียง ซึ่งเขาต้องการให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้

ทั้งนี้มีรายงานจากคนใกล้ชิดนายจุรินทร์ว่า ในการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้ท้าชิงหัวหน้าพรรคในวันพรุ่งนี้ (9พ.ค) กับกลุ่มภาคใต้ นายจุรินทร์ไม่ได้มาร่วมงานด้วย เนื่องจากได้นัดหมายพูดคุยกับกลุ่มภาคอีสานไว้ก่อนแล้ว ส่วนนายกรณ์ ได้รับการยืนยันว่า จะเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ครั้งนี้ด้วย