กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.75-32.10 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 31.98 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 400 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตร 5.4 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการขายพันธบัตรที่มีอายุเกิน 1 ปี
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) วันที่ 30 เมษายน-1 พฤษภาคม รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ หลายรายการ อาทิ ดัชนีภาคการผลิตและบริการ การจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน และค่าจ้าง แม้ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/2562 ของสหรัฐฯ ออกมาสดใสเกินคาดแต่ค่าใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคลขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เพิ่มโอกาสที่เฟดจะส่งสัญญาณอย่างระมัดระวังมากขึ้นต่อการดำเนินนโยบายในระยะถัดไปและตอกย้ำว่า เฟดน่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยตลอดปีนี้ ส่วนช่วงวันหยุดยาวของญี่ปุ่นอาจเพิ่มความผันผวนให้กับค่าเงินเยนในตลาดโลก นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) หลังดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเยอรมันออกมาแย่กว่าคาด ส่งผลให้เงินยูโรแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 22 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือนมีนาคมหดตัวลง 4.88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 7.63% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 2 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2562 การส่งออกหดตัว 1.64% ส่วนมูลค่านำเข้าลดลง 1.20% ท่ามกลางผลกระทบของสงครามการค้าที่กดดันการส่งออกสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เป็นสำคัญ ทางด้านธปท.มองการส่งออกปีนี้อาจเติบโตต่ำกว่าคาด ซึ่งอาจส่งผลให้จีดีพีไตรมาส 1 และ 2 ขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิมที่คาดไว้ว่าจะเติบโตได้ 3.4% และ 3.0% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ทางการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่จุดต่ำสุดในไตรมาส 2/2562 ก่อนที่จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี จากท่าทีดังกล่าวเราคาดว่านโยบายการคลังจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.75% ตลอดทั้งปีนี้