ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พันตำรวจเอก สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รองผบก.ป.) พร้อมด้วย พันตำรวจโทพัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม (รองผกก.1 บก.ป.),พันตำรวจโท มนูญ แก้วกล่ำ รองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม (รองผกก.4 บก.ป.)
ร่วมกันแถลงข่าวผลการรับส่งมอบตัวผู้ต้องหาคดีสำคัญจากประเทศเมียนมา จำนวน 2 คดี ประกอบด้วย นายชยพล หรืออาคม เสียมไหม อายุ 35 ปี ชาว จ.ตรัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง ที่ จ.480/2561 ลงวันที่ 6 พ.ย.2561 ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
และนายพงศ์พันธ์ หรือเอ๋ ยังให้ผล อายุ 38 ปี ชาว จ.ราชบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.2/2560 ลงวันที่ 6 มกราคม 2560 ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย หลังก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประเทศเมียนม่าจับกุมตัวได้ขณะหลบหนีไปกบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
พ.ต.อ.สุรพงษ์ฯ กล่าวว่า สำหรับที่ไปที่มาคดีของ นายชยพลฯ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 นายชยพลฯ และพวกได้ไปนั่งดื่มกินที่สถานบันเทิงชื่อ โรงเหล้ามหานคร@ตรัง ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับนายสิริพล หรือหนึ่ง แต้มประสิทธิ์ และพวก ซึ่งนั่งดื่มกินอยู่โต๊ะข้างๆ นายชยพลฯ จึงได้ใช้อาวุธปืนไล่ยิงนายสิริพลฯ จนเสียชีวิต รวมถึงใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันไล่ยิงกลุ่มเพื่อนๆของนายสิริพลฯ จนได้รับบาดเจ็บจำนวน 7 ราย ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ สืบทราบว่า นายชยพลฯ ภายหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ประเทศเมียนมา ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประเทศเมียนมาจับกุมตัวได้ขณะหลบหนีไปกบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองตามกฎหมายของประเทศเมียนมา
พ.ต.อ.สุรพงษ์ฯ กล่าวต่อว่า ขณะที่ในส่วนคดีของ นายพงศ์พันธ์ หรือ “เอ๋ เจ็ดเสมียน” นั้นเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติด โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บก.ปส.3 บช.ปส.)
ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายวารุท หรือบอล ขวัญยืน อายุ 43 ปี ชาว จ.สมุทรสงคราม และนายขจรศักดิ์ หรือแจ๊ค ประเสริฐอินทร์ อายุ 35 ปี ชาว จ.ราชบุรี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 70,000 เม็ด รถเก๋งโตโยต้า และโทรศัพท์ 2 เครื่อง ที่บริเวณริมทางถนนสมุทรสงคราม-บางแพ หน้าวัดช่องลม ต.ท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม
ก่อนจะขยายผลสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายผู้ค้ารายใหญ่ โดยมี นายพงศ์พันธ์ หรือเอ๋ ยังให้ผล เป็นผู้สั่งการและควบคุม จากนั้นจึงนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพัก ของ นายพงศ์พันธ์ฯ ที่ จ.ราชบุรี ก่อนพบยาเสพติด แท่นพิมพ์ยาเสพติด อาวุธปืน และอาวุธสงคราม จำนวนหนึ่ง
แต่ระหว่างเข้าทำการตรวจค้นนั้นปรากฏว่านายพงษ์พันธ์ฯ เกิดไหวตัวทันหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ก่อนจะมาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประเทศพม่า จับกุมในข้อหา หลบหนีเข้าเมือง
พ.ต.อ.สุรพงษ์ฯ กล่าวต่ออีกว่า อย่างไรก็ตามภายหลังจากทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประเทศเมียนมา จับกุมตัวได้นั้น ทางกองปราบฯ ก็ได้พยายามติดต่อประสานกับหน่วยงานข้างเคียงของประเทศเมียนมา ที่มีความสัมพันธ์กันดีระหว่างหน่วยงาน เพื่อขอรับตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มาดำเนินคดีในไทย
จนกระทั่งต่อมาเมื่อผู้ต้องหาทั้ง 2 คนพ้นโทษจากคดีหลบหนีเข้าเมืองตามกฎหมายประเทศเมียนมา แล้วนั้น ก็ได้มีการประสานติดต่อมายังกองปราบฯเพื่อที่จะดำเนินการส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้ทางกองปราบฯ มารับตัวไปดำเนินคดี ก่อนจะมีการส่งมอบตัวผู้ต้องหา 2 คนที่ บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแม่สายแห่งที่ 1 ติดกับพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ดังกล่าว
พ.ต.อ.สุรพงษ์ฯ ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามจากการสอบปากคำเบื้องต้นผู้ต้องหา ทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง แต่ทั้ง 2 คนก็ยังยืนยันว่าไม่ได้มีการรู้จักกันเป็นการส่วนตัว เพียงแต่นายชยพลฯ รู้จักกับเพื่อนสมาชิกคนอื่นซึ่งอยู่ในกลุ่มยาเสพติดเดียวกันกับของนายพงศ์พันธ์ฯ เพียงเท่านั้น จึงได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่เดียวกันไป และช่วงเวลาที่หลบหนีนั้นก็มักไปแฝงตัวอยู่ตามบ่อนการพนันต่างๆในพื้นที่ จ.ท่าขี้เหล็ก
จนกระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับแก่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ก่อนนำตัว นายชยพลฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง ส่วนนายพงศ์พันธ์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง