เมื่อวันที่ 9 เมษายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในความผิดอาญามาตรา 116 189และ215 โดยมีคณะทูตจาก 12 ชาติเข้าสังเกตุการณ์ในวันที่นายธนาธร รับทราบข้อกล่าวหา ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทางคณะทูตก็มีคำถามว่าดำเนินการไปแค่ไหน อย่างทำไมช้า ทำไมขึ้นศาลทหาร เราก็ชี้แจงไป
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า เหตุที่ต้องขึ้นศาลทหารเพราะเป็นกฎหมาย เพราะช่วงเวลาที่เกิดเหตุ รับคดีตั้งแต่ต้น ขอความเห็นชอบขอจับกุมไปแล้ว เป็นช่วงเวลาที่กฎหมายบังคับว่าต้องขึ้นศาลทหารเป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ในช่วงนั้น ทั้งนี้นายธนาธร สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอเปลี่ยนศาลได้ เช่นเดียวกับคดีเสือดำ ที่มีการยื่นคำร้องให้พิจารณาในศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ทั้งนี้สามารถทำได้ แล้วแต่ศาลวินิจฉัย ตนไม่ก้าวล่วง
รองผบ.ตร.กล่าวว่า วันนั้นมีเจ้าหน้าที่จากสถานทูตและองค์กรระหว่างประเทศร่วมสังเกตุการณ์ ตนไม่ทราบว่ามาได้อย่างไร แต่ก็มาถามโน่นนี่หลังหลังการสอบสวนเสร็จแล้ว ทางตำรวจก็เชิญขึ้นมาให้สอบถาม เราก็ตอบไป ไม่มีปัญหาอะไร แต่ไม่ได้ร่วมฟังการสอบสวนทำไม่ได้ เขาไม่ได้มาวุ่นวายอะไร เป็นการพูดคุยหลังการสอบสวนเสร็จสิ้น เมื่อมีคณะทูตมาจากหลายประเทศเราก็เชิญมาพูดคุยตามมารยาท ไม่ถือว่าเป็นการแทรกแซง ไม่ได้มาวุ่นวายการสอบสวน แต่เรื่องระหว่างประเทศเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ในส่วนของนายธนาธรยังไม่มีคดีอะไรเพิ่มเติม นายธนาธรให้ความร่วมมือดี ไม่มีปัญหาอะไร ตนว่าการพูดคุยกับคณะทูตเขาสบายใจ หากเราไม่ตอบคำถามก็จะกลายเป็นประเด็นเสียหายประเทศชาติอีก เอกสารไหนให้ดูได้ทั้งคำสั่งคสช. คำสั่งตั้งคณะพนักงานสอบสวน ก็ให้ดู ตนไม่หนักใจใครจะมาดูหรือไม่มาดูกระบวนการยุติธรรมต้องเดินตามกฎหมาย อยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่หนักใจ ไม่มีปัญหาอะไร ตนไม่ได้ซิกแซกอะไร ส่วนการออกหมายเรียกคนอื่นๆเพิ่มเติมในคดีเดียวกันยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ พาดพิงใครก็ต้องดำเนินการ ส่วนจะออกหมายเรียกนายสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธรอีกหรือไม่นั้น ถือว่าในปี 2558 เรียกสอบแล้ว หากไม่มีความจำเป็นก็ไม่ต้องเรียก