ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) พร้อมด้วย พันตำรวจเอก เนติ วงษ์กุหลาบ ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (ผกก 5 บก.ป.),พันตำรวจโท อนุชา ศรีสำโรง รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (รองผกก.5 บก.ป.),พันตำรวจตรี ฐิติวัสส์ แซมเขียว สารวัตรกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม (สว.กก.5 บก.ป.)
ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม น.ส.สุภิช นิมิตนิวัช อายุ 61 ปี,น.ส.ผาณิตา นารถไพรินทร์ อายุ 52 ปี,นายชัยชนะ จันทรา อายุ 45 ปี และน.ส.มาริษา โสมบ้านกรวย อายุ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.103-106/2562 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2562 ผู้ต้องหาคดี “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” สามารถจับกุมได้ที่บ้านพักของผู้ต้องหาที่ จ.ราชบุรี,จ.นนทบุรี และจ.สุพรรณบุรี ตามลำดับ
พล.ต.ต.จิรภพฯ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อปี พ.ศ.2559 น.ส.สุภิชฯ ผู้ต้องหาที่ 1 ทราบว่า น.ส.ปาณิสรา ธนสมานโชค อายุ 59 ปี อาชีพทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพิ่งจะได้เงินจากการขายที่ดินย่านนทบุรี แนวการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงมาหลายร้อยล้านบาท จึงวางแผนกับพวกร่วมกันกุเรื่องว่า น.ส.ผาณิตาฯ หนึ่งในผู้ต้องหา กำลังจะได้มรดกจำนวน 1,000 ล้านบาท จากแพทย์หญิงรายหนึ่งที่เสียชีวิตเหตุถูกระเบิดจากเหตุการณ์ไม่สงบใน จ.ยะลา และมรดกจำนวนทั้งหมดมี น.ส.ผาณิตาฯ เป็นผู้สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว
แต่ น.ส.ผาณิตาฯ ไม่มีเงินค่าดำเนินการ 235 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้เริ่มเล่นละคร โดยให้ น.ส.สุภิชฯ ไปติดต่อขอยืมเงินจากผู้เสียหาย จำนวน 50 ล้าน ให้แก่ น.ส.ผาณิตาฯ เพื่อเป็นค่าดำเนินการ แต่ยังขาดอีกจำนวนมาก จึงจะมาชักชวนให้ผู้เสียหายมาร่วมหาเงินไปให้ น.ส.ผาณิตาฯ ยืมให้ครบตามจำนวน ซึ่งเมื่อได้เงินมรดกมาแล้วก็จะให้เงินค่าตอบแทนในการยืมเงินครั้งนี้เป็นเงิน 300 ล้านบาท ไม่รวมกับเงินที่ยืมมา ระหว่างนี้ก็มีการพูดคุยเจรจาหว่านล้อมกันเป็นระยะ
พล.ต.ต.จิรภพฯ กล่าวอีกว่า น.ส.ปาณิสราฯ ผู้เสียหายเริ่มหลงเชื่อ และให้เงินกับกลุ่มผู้ต้องหาไปครั้งแรก จำนวน 5.2 แสนบาท และครั้งที่สอง จำนวน 5.2 แสนบาท โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ตีเช็คเงินสดมาให้ผู้เสียหายไว้เพื่อเป็นหลักประกัน แต่แล้วกลุ่มผู้ต้องก็บอกกับผู้เสียหายว่าอย่าเพิ่งนำเช็คดังกล่าวไปขึ้นเงิน
ในช่วงนี้ผู้เสียหายก็เริ่มระแวงว่าอาจถูกหลอก จึงได้ติดต่อสอบถามไปยัง น.ส.สุภิชฯ เพื่อทวงถามความจริง น.ส.สุภิชฯ จึงให้ผู้เสียหายโทรศัพท์ไปหา นายชัยชนะฯ หนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหา ที่รับแสดงละครเป็นนายทหารยศพันโท ถ้าไม่เชื่อจะให้เจ้าหน้าที่ทหารที่ดูแลพินัยกรรม โทรศัพท์มาพูดคุยและอธิบายเรื่องต่างๆ พร้อมทั้งหว่านล้อมว่ามรดกดังกล่าวมีอยู่จริง
ก่อนจะพาผู้เสียหายไปเจอ น.ส.มาริษาฯ เพื่อนในแก๊งอีกคน ที่เล่นบทเป็นทหารยศร้อยโท เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ สุดท้ายผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้โอนเงินเพิ่มเติมไปให้กับกลุ่มผู้ต้องหารวมทั้งหมดถึง 597 ครั้ง รวมแล้วเป็นเงินกว่า 232,910,617 บาท ก่อนจะมาทราบความจริงว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครปฐม ก่อนที่กองปราบปรามจะติดตามวางแผนจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ยกแก๊ง
เบื้องต้นสอบสวนกลุ่มผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายจริง ส่วนเงินทั้งหมดที่ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายมาได้ ก็นำมาแบ่งกัน ก่อนจะนำเอาไปซื้อทรัพยสินเช่นนาฬิกา รถยนต์หรู,บ้าน 8 หลัง รวมทั้งที่ดิน รวมมูลค่า 70 ล้านบาท ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนติดตามทรัพย์สินที่หลอกลวงมาได้ คืนให้ผู้เสียหาย ส่วนผู้ต้องหาทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวนสภ.เมืองนครปฐม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง